ชายอ้างเป็นโมเดลลิ่ง หลอกเด็กนร.ชาย อมนกเขา เหยื่อนับ 10 ราย
หลอกเด็กนักเรียนชาย อมนกเขา ล่วงละเมิดทางเพศ พบเหยื่อนับ 10 ราย ชายอ้างเป็นโมเดลลิ่ง พาเด็กไปแสดงเป็นตัวละครประกอบฉาก สุดท้ายแสดงพฤติกรรมสุดทราม ล่าสุดโดนรวบแล้วพร้อมข้อหานัก
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา ได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 23 มี.ค.65 กรณีผู้ปกครองพาเด็กชาย 3 คน อายุ 13ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสิทธิพันธ์ หรือ “แบงค์ สว่างสังวาลย์” อายุ 41 ปี หลังเด็กทั้งสามถูกนายสิทธิพันธ์ ล่วงละเมิดทางเพศ และบางรายถูกนายสิทธิพันธ์ฯ ข่มขืนกระทำชำเราด้วย นั้น
จากการสอบสวนเด็กชายทั้ง 3 รายร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ทราบว่า นายสิทธิพันธ์ ได้ชักชวนให้เด็กนักเรียนชายจำนวนหลายราย มาทำกิจกรรมกระโดดเชือกเป็นหมู่คณะและได้พาเด็กไปแสดงเป็นตัวละครประกอบฉากในการถ่ายละคร โดยเด็กจะได้รับค่าจ้างจากการเข้าฉากครั้งละ 500 บาท
แต่ขณะที่อยู่ใกล้ชิดกันมักจะถูกนายสิทธิพันธ์ ใช้ปากของตนเองอมอวัยวะเพศของเด็กผู้ชายทุกคน และบางครั้งก็ให้เด็กใช้ปากอมอวัยวะเพศของนายสิทธิพันธ์ฯ ด้วย และหนึ่งในเด็กที่เป็นผู้เสียหายยังให้การว่า ตนเคยถูกนายสิทธิพันธ์ฯ ใช้อวัยวะเพศสอดใส่เข้าไปในทวารหนัก แต่เนื่องจากเกิดความเจ็บปวด ตนจึงดิ้นรนขัดขืนจนนายสิทธิพันธ์ฯ หยุดกระทำดังกล่าว
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 เม.ย.65 เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา ได้นำหมายจับศาลจังหวัดชลบุรีที่ จ.169/2565 ลงวันที่ 30มี.ค.65 เข้าทำการจับกุมนายสิทธิพันธ์ หรือแบงค์ สว่างวังวาลย์ ได้ที่พื้นที่ จ.นนทบุรี โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม มีอัตราโทษจำคุก 4-20 ปี ปรับ 100,000 – 4000,000 บาท, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม มีอัตราโทษจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร” โดยมีอัตราโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท
จากการสอบสวนนายสิทธิพันธ์ฯ รับว่า ตนได้กระทำผิดตามที่กล่าวมาจริง นอกจากนี้ จากการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ยังมีเด็กชายอีกจำนวน 7 คน (รวมทั้งหมด 10 คน) ที่ถูกผู้ต้องหากระทำในลักษณะดังกล่าวข้างต้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กจังหวัดชลบุรี และสหวิชาชีพ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่มา : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ