ผู้ประกอบการ ‘ถนนข้าวสาร’ ยื่น จม. ถึงนายกฯ ผ่อนมาตรการโควิด ช่วง สงกรานต์
ผู้ประกอบ ถนนข้าวสาร ยื่นจดหมายถึงนายก ขอผ่อนมาตรการโควิดในช่วงเทศกาล สงกรานต์ ชี้ประชาชนเจ็บมาสองปีแล้ว ถ้าข้าวสารทำได้ ก็สามารถนำไปใช้ที่อื่นได้
สมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ได้เดินทางไปยัง อาคาร 26 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้มีการพิจารณาผ่อนผันมาตรการโควิดในช่วงเทศกาลสงกรานต์
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า การมายื่นข้อร้องเรียนในวันนี้ เพื่อให้นายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการศบค. พิจารณาการจัดกิจกรรมสงกรานต์บนถนนข้าวสาร โดยทางเราได้เสนอมาตรการควบคู่ไปด้วย รวมถึงการกำหนดจำนวนคนที่เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การเล่นน้ำจะไม่มีกิจกรรมการตั้งเวทีหรือดีเจ เพื่อจะได้ไม่เป็นจุดรวมตัวกัน ยืนยันว่าที่ผ่านมาถนนข้าวสารไม่มีการแต่งโป๊ เปลือย และเล่นแป้ง
สำหรับการกำหนดจำนวนคนเข้าร่วมกิจกรรมนั้น ในพื้นที่ถนนข้าวสาร 400 ตารางเมตร สามารถรองรับได้ 5,000 คน ไม่นับรวมผู้ที่อยู่ในอาคาร เมื่อนับหัวและท้ายครบจำนวน ก็จะเปิดเป็นรอบๆ ไป เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดกิจกรรมได้ เพราะเมื่อประเมินถึงรายได้ที่ปกติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 4 วัน จะมีรายได้ 50 – 80 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าที่พัก ค่ากิน และค่าเที่ยวทั้งหมด ปกติช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยอดจองโรงแรมจะอยู่ที่ 100% มีนักท่องเที่ยวตกวันละ 50,000 คน แต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมของปีนี้ นักท่องเที่ยวเริ่มจองโรงแรมเหลือเพียง 20%
เบื้องต้นกลุ่มผู้ค้าแผงลอย ประมาณ 500 กว่าชีวิต สามารถฟื้นกลับมาได้เพียง 10% ส่วนร้านค้าทั่วไปฟื้นคืนกลับมาได้ 40 ถึง 50% ดังนั้นการออกมาตรการของศบค. ที่ไม่ให้จัดกิจกรรมสงกรานต์ ได้ทำให้กังวลว่า จะกระทบทำให้นักท่องเที่ยวไม่จองโรงแรมที่พัก ทั้งนี้หากเปิดให้จัดกิจกรรมเล่นสงกรานต์บนถนนข้าวสาร จะสามารถสร้างเศรษฐกิจภาพรวมได้ถึง 1,000 ล้านบาท และยังส่งผลดีต่อพื้นที่รอบข้างด้วย
นายสง่า กล่าวว่า รัฐบาลได้แต่ห้ามอย่างเดียว ถือว่าทำร้ายประชาชนเกินไป เราเจ็บตัวมาแล้วกว่า 2 ปี ทั้งนี้หากถนนข้าวสารสามารถจัดกิจกรรมได้ตามปกติ ก็อาจจะนำไปใช้เป็นโมเดลกลับพื้นที่อื่น ส่วนที่มีการท้วงติงเรื่องของผู้ติดเชื้อแบบคลัสเตอร์ ย้ำว่าวันนี้ตัวเลขยอดติดเชื้อก็กระโดดอยู่แล้ว
แต่จะทำอย่างไรให้การประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น สามารถทำควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ส่วนมาตรการให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ถึงห้าทุ่มนั้น เราไม่ได้ขอให้ปรับเปลี่ยน ขอเพียงให้ขายได้เท่านี้ก็ดีแล้ว ขอย้ำว่า แค่นี้ผู้ประกอบการก็เดือดร้อนมากพอแล้ว จากค่าของชีพที่กระโดดสูงขึ้น ทั้งนี้ผู้ประกอบการไม่ได้กำหนดเดดไลน์ การตอบข้อเรียกร้องจากศบค. เพราะไม่อยากบีบคั้นนายกฯ มากเกินไป
เมื่อถามว่า หากศบค. ไม่อนุมัติ จะมีแผนรองรับอย่างไร นายสง่า กล่าวว่า เราได้ประชุมกับผู้ประกอบการแล้ว เขาสามารถจัดกิจกรรม จัดคอนเสิร์ต หรือเล่นน้ำภายในร้านได้ ถ้าไม่ห่วงเรื่องไฟฟ้าหรือเครื่องเสียง และผู้ประกอบการทุกคนได้เตรียมตัวแล้ว