ชายไทยเตรียมลุ้นระทึกจับใบดำใบแดง ตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 1-12 เมษายน 2567 พร้อมเผยรายชื่อ โรคที่เกณฑ์ทหารไม่ได้ จะจัดไปอยู่อีกจำพวก (ต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยัน) มีโรคอะไรบ้าง ที่ถูกกำหนดไม่ให้ผ่านการตรวจร่างกายเสี่ยงจับใบดำใบแดง แบ่งเป็นกี่จำพวกและเงื่อนไขข้อยกเว้นที่กฎหมายกำหนด ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหารเท่านั้น
โรคที่ไม่ต้อง “เกณฑ์ทหาร” 2567
ทั้งนี้ต้องอธิบายก่อนว่าสำหรับการตรวจเลือกทหาร เกณฑ์ทหาร ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร ก็ต้องไปรายงานตัวในวันตรวจเลือกก่อน เพื่อให้แพทย์ทหารตรวจร่างกาย ว่าเราเป็นบุคคลจำพวกใด ก่อนจะจับใบดำใบแดง โดย ในการตรวจเลือกทหารจะแบ่งคนเป็น 4 จำพวก อ้างอิงจาก กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
อ้างอิงตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 74 ปี พ.ศ. 2540 รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้ออกโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร โดยแบ่งเป็น 12 โรคหลักดังนี้
1. โรค หรือความผิดปกติของตา
โรคที่ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร โรคแรกเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับทางสายตา เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ฝึก และสู้รบ โดยได้กำหนดโรคทางสายตาที่ไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร มีดังนี้
- ตาบอด ข้างใดข้าหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง
- ค่าสายตาสั้น หรือยาว เกินกว่าที่กำหนด (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสัสดี ผู้ตรวจ)
- ต้อหิน
- ต้อแก้ว (ทั้งสองข้าง)
- โรคขั้วประสาทตาเสื่อม (ทั้งสองข้าง)
- กระจกตาอักเสบ หรือเรื้อรัง (ทั้งสองข้าง)
2. โรค หรือความผิดปกติของหู
โรคที่มีความผิดปกติทางหู จะเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในการฝึกทางทหาร เพราะเนื่องจากในการเข้ารับการฝึก ต้องฟังคำสังผู้บังคับบัญชา ดังนั้นโรคทางหูจึงมีกำหนดดังนี้
- หูหนวก (ทั้งสองข้าง) ที่จำเป็นต้องใช้เสียงในช่วงคลื่นความถี่ 500 – 2,000 รอบในการได้ยิน
- หูชั้นกลางอักเสบ หรือเรื้อรัง (ทั้งสองข้าง)
- เยื่อแก้วหูทะลุ (ทั้งสองข้าง)
3. โรคเกี่ยวกับหัวใจ และหลอดเลือด
อีกหนึ่งโรคที่สำคัญต่อชีวิตของผู้เข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นอย่างมาก และเพื่อป้องกันเหตุร้าย จึงได้กำหนดโรคเกี่ยวกับหัวใจ ที่ไม่ต้องเกณฑ์ทหารไว้ดังนี้
- หัวใจหรือหลอดเลือดพิการ อย่างถาวร หรือเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายร้ายแรง
- ลิ้นหัวใจพิการ
- การเต้นของหัวใจผิดปกติ อย่างถาวร หรือเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายร้ายแรง
- โรคของกล้ามเนื้อหัวใจ ชนิดที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
- หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
- หลอดเลือดภายในกะโหลกศีรษะโป่งพอง หรือผิดปกติ
4. โรคเกี่ยวกับเลือด และอวัยวะสร้างเลือด
ในการเข้ารับการฝึกบางครั้งอาจมีอาการบาดเจ็บ เป็นเหตุให้เลือดออกบ้าง ดังนั้นทางกฎกระทรวง จึงออกข้อกำหนดของผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ดังนี้
- โรคเลือด หรืออวัยวะสร้างเลือด ผิดปกติ อย่างถาวร ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
- ภาวะม้ามโต (Splenomegaly) ที่รักษาไม่หาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
5. โรคของระบบหายใจ
หนึ่งในโรคที่เป็นอุปสรรคใหญ่ในการปฏิการราชการทหารอย่างโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ มีกำหนดไว้ดังนี้
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease หรือ COPD)
- โรคหลอดลมพอง (Bronchiectasis)
- โรคหืด (Asthma)
- โรคของระบบหายใจ ที่ส่งผลให้สมรรถภาพของปอดลดลงจน Forced Expiratory Volume in One Second ต่ำกว่า 2 ลิตร
6. โรคของระบบทางเดินปัสสาวะ
โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ ก็ถูกบรรจุไว้ใน โรคที่ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร 2566 ด้วยเช่นกัน
- โรคไตอักเสบ เรื้อรัง
- โรคไตวาย เรื้อรัง
- ไตพองเป็นถุงน้ำ (Polycystic Kidney) ตั้งแต่กำเนิด
- กลุ่มอาการไตพิการ
7. โรค หรือความผิดปกติของกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ
อวัยวะที่สำคัญที่สุดในการเข้ารับการฝึกทหารเกณฑ์ นั่นก็คือกล้ามเนื้อ และกระดูก ดังนั้นจึงได้มีกำหนด โรค หรือความผิดปกติของกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ ไว้ดังนี้
- ข้ออักเสบเรื้อรัง เป็นเหตุให้กระดูกเปลี่ยนรูป
- แขน ขา มือ เท้า นิ้ว อย่างใดอย่างหนึ่งมีรูปร่างผิดปกติ ดังต่อไปนี้
- ด้วน หรือพิการ ไม่สามารถรักษาให้เหมือนเดิมได้
- นิ้วมือ ในมือข้างเดียวกันตั้งแต่สองนิ้วขึ้นไป (ภาวะอวัยวะเกิน)
- คอเอียง หรือแข็งทื่อ ชนิดถาวร
- กระดูกสันหลังโก่ง หรือคดงอ จนเห็นได้ชัด
- กล้ามเนื้อเหี่ยวลีบ หรือหดสั้น เป็นผลให้อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งใช้การไม่ได้
8. โรคของต่อมไร้ท่อ และภาวะความผิดปกติของเมตาบอลิซึม
- ภาวะต่อไทรอยด์ทำงานน้อยไป อย่างถาวร
- ภาวะต่อพาราไทรอยด์ทำงานน้อยไป อย่างถาวร
- ภาวะต่อมใต้สมองทำงานผิดปกติ อย่างถาวร
- โรคเบาหวาน
- ภาวะโรคอ้วน ค่าดัชนีย์ความหนาแน่นของร่่างกายมีตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป
- โรค หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
9. โรคติดเชื้อ
- โรคเรื้อน
- โรคเท้าช้าง
- โรคติดเชื้อเรื้อรัง ที่แสดงอาการรุนแรง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
10. โรคทางประสาทวิทยา
เป็นอีกหนึ่ง โรคที่ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร 2566 อันเนื่องมาจากภาวะทางประสาท ที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว กระบวนการความคิด และภาวะอารมณ์
- โรคจิตเจริญล่าช้า
- ใบ้
- ลมชัก
- อัมพาต
- สมองเสื่อม
- โรคความผิดปกติของสมอง หรือไขสันหลัง
- กล้ามเนื้อหมดกำลังอย่างหนัก
11. โรคทางจิตเวช
โรคทางจิตเวช ต้องได้รับการรับรองจากทางจิตแพทย์ว่าเป็นผู้มีปัญหาทางด้านจิตเวช
- โรคจิต หรือโรคที่ทำให้เกิดการทางจิตขั้นรุนแรง
12. โรค หรือภาวะอื่น ๆ
- กะเทย หรือภาวะการเบี่ยงเบนทางเพศ
- มะเร็ง ทุกระยะ
- โรคตับอักเสบเรื้อรัง
- โรคตับแข็ง
- คนเผือก
- กายแข็ง
- รูปวิปริตต่าง ๆ
- ปากแหว่งเพดานโหว่
- จมูกโหว่
ทั้งนี้ การจะระบุว่าเป็นโรคที่ไม่ต้องรับราชการทหาร ต้องมีหลักฐานเป็นใบรับรองแพทย์ที่ตรวจโดยโรงพยาบาลทหารที่กองทัพระบุ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันเกณฑ์ทหาร 2566 เมื่อถึงวันให้นำเอกสารใบรับรองแพทย์ ไปยื่นในการตรวจร่างกาย เพื่อให้แพทย์ทหารลงความเห็นว่าเป็นบุคคลจำพวกใด ไม่ใช่ว่าเป็นโรคนี้แล้วไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร ซึ่งในตอนตรวจร่างกายนี่แหละ ทหารจะแทงเราไปจำพวกต่างๆ
คนจำพวกที่ 1
ได้แก่ คนที่มีร่างกายสมบูรณ์ดี ไม่มีอวัยวะพิการหรือผิดส่วนแต่อย่างใด มีความสูงตั้งแต่ 146 ซม. ขึ้นไป ขนาดรอบตัวตั้งแต่ 76 ซม. ขึ้นไป
คนจำพวกที่ 2
คือ คนซึ่งมีร่างกายที่เห็นได้ชัดว่าไม่สมบูรณ์ดีเหมือนคนจำพวกที่ 1 แต่ไม่ถึงทุพพลภาพ
คนจำพวกที่ 3
คือ คนซึ่งมีร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับราชการทหารในขณะนั้นได้เพราะป่วย ซึ่งรักษาหายไม่ทันใน 30 วัน ในปีนี้จะไม่ต้องจับใบดำใบแดง แต่จะต้องมารายงานตัวเพื่อคัดเลือกทหารใหม่ปีหน้า
คนจำพวกที่ 4
คือ คนพิการทุพพลภาพ ซึ่งมีโรค หรือสภาพร่างกาย หรือสภาพจิตใจที่ไม่สามารถจะรับราชการทหารได้
โรงพยาบาลในสังกัดทหารบก
รวม 20 โรงพยาบาลในสังกัดทหารบกที่สามารถเข้ารับการตรวจโรคที่ถูกระบุว่าไม่ต้องเกณฑ์ทหารได้ แบ่งออกเป็น 5 ภูมิภาคทั่วประเทศไทยดังต่อไปนี้
ภาคกลาง จำนวน 5 แห่ง ได้แก่
-
- โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (กรุงเทพฯ)
- โรงพยาบาลอานันทมหิดล (ลพบุรี)
- โรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ (ศร.) (ประจวบคีรีขันธ์)
- โรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ (กาญจนบุรี)
- โรงพยาบาลค่ายอดิศร (สระบุรี)
ภาคตะวันออก จำนวน 3 แห่ง ได้แก่
-
- โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ (ปราจีนบุรี)
- โรงพยาบาล รร.จปร. (นครนายก)
- โรงพยาบาลค่ายนวมินทราชินี (ชลบุรี)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่
-
- โรงพยาบาลค่ายสุรนารี (นครราชสีมา)
- โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ (อุบลราชธานี)
- โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน (สุรินทร์)
- โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม (อุดรธานี)
- โรงพยาบาลค่ายกฤษณ์สีวะรา (สกลนคร)
ภาคเหนือ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่
-
- โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พิษณุโลก)
- โรงพยาบาลค่ายจิรประวัติ (นครสวรรค์)
- โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี (ลำปาง)
- โรงพยาบาลค่ายกาวิละ (เชียงใหม่)
- โรงพยาบาลค่ายอดิศร (สระบุรี)
ภาคใต้ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่
-
- โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ (นครศรีธรรมราช)
- โรงพยาบาลค่ายเสนาณรงค์ (สงขลา)
- โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร (ปัตตานี)
อ้างอิง : พระราชบัญญัติรับราชการทหาร