จับแล้ว แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ปลอมเป็น DHL และ Shopee
ตำรวจสอบสวนกลาง จับ แก๊งค์มิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ สาวเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ DHL และหลอกลงทุน Shopee ปลอม
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส., และ พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส.
ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.ดนัย ดีดวงพันธ์ สว.กก.1 บก.ปทส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส.
ร่วมกันจับกุม นางสาวฐิติศรีฯ ฐานความผิด
1. “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น”
2. “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ หรือ ร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนฉ้อโกงทรัพย์ และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบื่อนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก มกราคม 2565 มีผู้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัท DHL แจ้งผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายส่งพัสดุไปยังประเทศจีน และพัสดุดังกล่าวถูกตีกลับ โดยภายในตรวจพบหนังสือเดินทางของบุคคลไม่ทราบชื่อ และบัตร ATM โดยระบุว่าถูกซุกซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าผู้ชาย หากผู้เสียหายไม่ใช่ผู้ที่จัดส่งพัสดุดังกล่าว ให้รีบดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นจึงทำทีอำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียหายโดยการโอนสายให้บุคคลปลายสาย ซึ่งอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาบุคคลซึ่งอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบถามผู้เสียหายว่า “ติดต่อมาด้วยเรื่องอะไร” ผู้เสียหายจึงเล่าเรื่องที่เจ้าหน้าที่ DHL แจ้งแก่ผู้เสียหายข้างต้นให้ฟัง จากนั้นผู้ที่อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำทีตรวจสอบชื่อและหมายเลขบัตรประชาชนของผู้เสียหาย และเแจ้งแก่ผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายมีส่วนพัวพันการกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอายัดเงินในบัญชีของผู้เสียหายทั้งหมด เพื่อดำเนินการตรวจสอบ หากไม่พบการกระทำผิดใด ๆ จะดำเนินการโอนเงินคืนแก่ผู้เสียหายในภายหลัง
ทั้งนี้เป็นการตรวจสอบในทางลับ บังคับพูดคุยขู่เข็ญไม่ให้วางสายโทรศัพท์เพื่อไม่ให้สามารถปรึกษาใคร กดดัน ข่มขู่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแสดงภาพถ่ายการจับกุมชายคนหนึ่งทางแอปพลิเคชันไลน์ โดยอ้างว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ร่วมกระบวนการกับผู้เสียหาย และซัดทอดว่า ได้ว่าจ้างผู้เสียหายให้เปิดบัญชีม้าให้ โดยตกลงค่าจ้างกันที่ 12,000 บาท
จากนั้นผู้เสียหายจึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับคนร้าย และไม่เคยรู้จักคนร้ายมาก่อน ซึ่งผู้ที่อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว บอกกับผู้เสียหายว่าให้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เสียหาย หากไม่พบการกระทำผิดจะดำเนินการคืนเงินที่โอนให้ในภายหลัง โดยคนร้ายแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินทั้งหมดเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้ทำการโอนเงินจำนวนเงิน 147,000 บาท ซึ่งต่อมาทราบว่าถูกหลอกทำให้ได้รับความเสียหายจึงได้เข้าแจ้งความ
จากการตรวจสอบพบว่าได้มีผู้เสียหายรายอื่นแจ้งความไว้ที่ จ.ตราด ผู้เสียหายชาว จ.ตราด สูญเงินจำนวน 110,000 บาท โดยคนร้ายหลอกให้ทำภารกิจใน shopee (ปลอม), ทำยอดขาย, กดไลก์เพจเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าจะได้ค่าคอมมิสชันจากการสำรองจ่ายในการทำภารกิจใน shopee ก่อน เมื่อถึงเวลาจะถอน ก็จะให้ทำภารกิจต่อไปเพื่อที่จะสามารถถอนได้ และมีการให้ฝากในเวลาเท่านั้น โดยอ้างว่าหากฝากไม่ทันหรือทำภารกิจไม่สำเร็จจะไม่สามารถถอนได้ จะต้องรอจนร้านค้าปิดยอด เมื่อถึงกำหนดหรือถ้าถอนต้องเสียค่าปรับจึงเชื่อว่าถูกหลอก
จากการตรวจสอบพบว่ามีการเตือนภัยไว้ในสื่อออนไลน์ จากการที่ถูกผู้ต้องหาหลอกโอนเงินด้วยวิธีการดังกล่าว มีผู้เสียหายหลายราย ยอดความเสียกว่า 63,900 บาท อีกทั้งยังมีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายอีกจำนวนมาก จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาเดินทางมาบริเวณมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านบางเขน เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ และนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สถานที่จับกุม บริเวณภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านบางเขน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ที่มา : ตำรวจสอบสวนกลาง