‘กุมารแพทย์’ ค้าน ฉีดวัคซีนสูตรไขว้ ซิโนแวค-ไฟเซอร์ ใน เด็ก
กุมารแพทย์ ค้าน สธ. ฉีด วัคซีนสูตรไขว้ ซิโนแวค-ไฟเซอร์ ใน เด็ก แนะนำฉีด mRNA ชนิดเดียวกันทั้งสองเข็ม และลดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความเห็นหลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอกับทาง ศบค. ให้ฉีดวัคซีนสูตรไขว้ชนิดเชื้อตายกับ mRNA ในเด็กอายุ 6-17 ปี และได้รับการอนุมัติดั่งที่รายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับข้อแนะนำจากกระทรวงสาธาณสุข (สธ.) การฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม+ไฟเซอร์ในเด็ก 12-17 ปี นั้น วีคซีนทั้ง 3 ยี่ห้อได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การอาหารและยา (อย.) เพื่อนำฉีดในเด็กได้
โดยส่วนตัวมองว่า การฉีดวัคซีนเชื้อตายตามด้วยวัคซีนชนิด mRNA จะช่วยลดปริมาณการฉีดวัคซีนเชื้อตายหลายเข็มได้ เนื่องจาก การฉีดเชื้อตาย 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันยังขึ้นไม่ดีนัก ส่วนการฉีดไขว้ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นเทียบเท่าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม
อย่างไรก็ตาม แม้การรับวัคซีนสูตรไขว้ในเด็กสามารถทำได้ แต่จริง ๆ ไม่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีน 2 ชนิด เพราะ วัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มก็มีเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นให้เด็กต้องฉีดวัคซีนสูตรไขว้
ส่วนกรณีคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เตรียมศึกษาฉีดสูตรไขว้เด็กอายุ 6-11 ปี เหมือนเด็กอายุ 12-17 ปีนั้น นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า แนะนำเข็มแรกควรเป็นชนิด mRNA หรือไฟเซอร์ แต่หากฉีดเข็มแรกเป็นเชื้อตายมาแล้ว ก็สามารถฉีดเข็ม 2 เป็นไฟเซอร์
แต่ทางที่ดีที่สุดคนที่ยังไม่ฉีดเข็มแรก ขอให้ฉีดเป็นชนิด mRNA และตามด้วยเข็ม 2 ชนิดเดียวกัน ยกเว้นก่อนหน้านี้ฉีดเชื้อตาย อย่างซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ก็ต้องฉีดเข็ม 2 เป็นไฟเซอร์ ซึ่งราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ได้ออกคำแนะนำไว้แล้ว
สำหรับข้อกังวลเรื่องการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรืออาจเกิดการตกค้างจากการฉีดวัคซีน mRNA นั้น ข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาระบุว่า ฉีดไฟเซอร์ในเด็ก 2 เข็ม เว้นระยะห่างราว 8 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกันขึ้นสูงกว่าการฉีดห่างกัน 4 สัปดาห์ ราว 10 เท่า และลดการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ก็ได้แนะนำเช่นนั้น
ส่วนการฉีดบูสเตอร์โดสเข็มที่ 3 ในเด็ก ยังไม่แนะนำ ยกเว้นเด็กกลุ่มเสี่ยง 7 โรค ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งต้องฉีดกระตุ้นเป็นระยะ ๆ