สธ. กาง 2 คลัสเตอร์โอมิครอน ติดโควิดแล้ว 52
กระทรวงสาธารณสุข เผย 2 คลัสเตอร์โอมิครอน ดื่มเหล้า ก่อนแพร่เชื้อแล้ว 52 ราย ช็อกพบเชื้อในแอร์ด้วย ขณะที่ยอดผู้ป่วยโควิดรวมอยู่ที่ 739 ราย
นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้รายงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดโอมิครอนในประเทศไทยที่ในขณะนี้ พบติดเชื้อใหม่ 739 ราย และ ติดเชื้อในประเทศ 251 ราย
โดยวันนี้จะยกมา 2 คลัสเตอร์ที่ประชาชนให้ความสนใจ ได้แก่ คลัสเตอร์ จ.กาฬสินธุ์ ติดเชื้อใน 11 อำเภอ รวม 248 ราย ที่เป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ (Super spreader) แพร่ไป อุดรธานี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู สกลนคร ลำพูน อุบลราชธานี พิษณุโลก ลำปาง และเพชรบูรณ์
“จากกรณีนี้ เป็นผู้ป่วยเดินทางมาจากต่างประเทศ และเดินทางไปสถานบันเทิงที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้เดินทางไปหลายแห่ง แต่จุดที่เป็นปัญหาภายในร้าน เช่น Bar K (ชื่อสมมติ) เนื่องจากศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) ยังไม่ให้เปิดผับบาร์ คาราโอเกะ ทางร้านจึงปรับเป็นร้านอาหาร แต่วิธีจัดการระบบระบายอากาศยังเหมือนเดิม ฉะนั้น ความเสี่ยงลดลงไม่มาก” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวว่า ยกตัวอย่างร้านที่ผู้ติดเชื้อเดินทางไปใน Bar S ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในร้านเลย แต่ Bar K เป็นจุดกระจายเชื้อไปแทบทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และบางจังหวัดในภาคเหนือ ซึ่งจุดแตกต่างของ 2 ร้านนี้ คือ Bar S มี 10 โต๊ะให้บริการลูกค้าสูงสุด 40 คน พนักงาน 9 คน
โดยวันที่ผู้ติดเชื้อเดินทางไปมีลูกค้าเพียงร้อยละ 10 ใช้บริการเพียง 3 ชั่วโมง ซึ่งต่างจาก Bar K มี 15 โต๊ะให้บริการลูกค้าสูงสุด 80 คน แต่มีการเสริมโต๊ะ พนักงาน 9 คน นักดนตรี 6 คน ซึ่งลูกค้าในวันนั้นมีประมาณ ร้อยละ 90 และอยู่กันนาน เนื่องจากมีดนตรี และสิ่งที่ตามมาคือการดื่มแอลกอฮอล์
“ขณะที่ สิ่งแวดล้อม Bar S จัดอุปกรณ์ส่วนบุคคล ไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการขายและให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลา 23.00 น. และวันนั้นไม่มีแสดงดนตรี ส่วน Bar K มีกิจกรรมส่งเสริมการขาย มีการนั่งดริงก์ เชียร์แขก เชียร์ลูกค้า นั่งดื่มกันจนถึงเที่ยงคืน มีแสดงดนตรีสด ทำให้คนอยู่ในร้านนานขึ้นก็เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงระบบระบายอากาศไม่ค่อยดีด้วย อีกประการคือพนักงานในร้าน Bar S ฉีดวัคซีนและตรวจ ATK ทุกคน ทุกสัปดาห์ เจ้าของกำกับเอง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี
ส่วน Bar K ฉีดวัคซีนทุกคน แต่ไม่มีการตรวจ ATK และไม่มีการคัดกรองผ่าน Thai save Thai และลูกค้าเข้าไปถึง ร้อยละ 90 ถือว่าไม่มีมาตรการ DMHTT พนักงานทานอาหารร่วมกัน ที่พักระบายอากาศไม่ดี และเวลาป่วยก็ไม่หยุดงาน ซึ่งนี่เป็นการสอบสวนเบื้องต้น อาจจะมีการคาดเคลื่อน แต่โดยหลักใหญ่ใจความก็ประมาณนี้ ว่า มีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม พนักงาน จนถึงลูกค้า ซึ่งอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ปีใหม่ ว่าถ้าไปร้านไหนดูไม่ปลอดภัยก็อย่าอยู่ ให้ไปร้านที่ปลอดภัยจะดีกว่า” นพ.โอภาส กล่าว