นักแสดงสาว ‘ริชชี่ อรเณศ’ เผยชีวิตในวงการบันเทิง ลั่น เจ้าตัวเคยถูก ผู้ใหญ่พูดฝังหัว ว่าต้องเปลี่ยนตัวเองจนขาดความมั่นใจ
เวลาผ่านมากว่า 10 ปี แล้ว สำหรับนักแสดงสาว ‘ริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส‘ กับชีวิตในวงการบันเทิง ล่าสุด (30 พ.ย.) ทางนักแสดงสาวก็ได้มีการออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทาง ‘ไทยรัฐ‘ เผยเส้นทางชีวิตในวงการ ลั่น เจ้าตัวเคยถูกผู้ใหญ่พูดฝังหัวว่าต้องเปลี่ยนตัวเองจนขาดความมั่นใจ โดยระบุว่า
“ริชอยู่ในวงการมา 10 ปีแล้ว ตั้งแต่อายุ 17 ปีจนตอนนี้อายุ 27 ปี ความรู้สึกเหมือนมันแป๊บเดียวมาก ๆ ตอนนั้นเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย งานที่รับก็น้อย จริง ๆ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ริชไม่เคยทำ ยังมีอีกหลายอย่างให้ริชได้เรียนรู้อีกเยอะมาก ๆ บางอย่างก็เพิ่งเคยทำครั้งแรก ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถ้าไม่เคยทำแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ไหวริชก็จะปฏิเสธไปเลย อย่างเช่น ริชพูดไม่เก่งก็จะไม่รับงานอีเวนต์ (ยิ้ม)
ซึ่งตอนนี้ถ้าคนที่รู้จักริชก็จะรู้ว่าริชพูดเก่งขึ้นแล้ว (ยิ้ม) แต่ถ้าคนที่ไม่รู้จักพอได้เห็นก็จะรู้สึกว่านี่เก่งแล้วเหรอ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดหวัง แต่ริชดีใจที่คนที่เขาติดตามเราพยายามเชียร์ ซัพพอร์ตริชเสมอมา”
รู้สึกอย่างไรที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส ?
“เอาจริง ๆ ตั้งแต่เล่นหนังเรื่องแรก ตอนนั้นริชยังเด็ก แต่ริชก็พยายามมากที่สุดเท่าที่ริชจะทำได้อยู่แล้ว จากวันแรกจนถึงวันนี้ริชไม่ได้มีความรู้สึกแตกต่างไปเลย เพราะริชก็ยังพยายามในการเล่นละครทุกเรื่อง เพราะคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกัน แต่ในฟีดแบ็กที่ตอบกลับมาก็รู้สึกดีใจที่ทุกคนยอมรับมากขึ้น ยอมรับว่าริชคือนักแสดง คนก็เริ่มชม ตอนแรก ๆ ก็ไม่ค่อยมั่นใจ ตอนนี้ก็เริ่มมั่นใจในการแสดงมากขึ้น เริ่มเลือกบทที่ตัวเองมั่นใจและคิดว่าจะทำได้ออกมาดีสำหรับบทนั้น
ยอมรับว่าตอนเด็ก ๆ ริชไม่รู้ว่าเราควรเลือกมั้ย เราเลือกได้มั้ย ใครให้บทอะไรมาริชก็จะรับ แม้จะไม่รู้ว่าจะต้องเล่นอย่างไร แต่ริชก็พยายามที่จะเข้าให้ถึงบทบาทนั้น ๆ ที่ได้รับมา แม้จะรู้ว่าเป็นบทที่ไกลตัวมาก แต่ริชก็พยายามที่จะทำให้ได้ แต่ตอนนี้พอเริ่มโต ก็เลยทำให้รู้ว่า บางทีบทที่เราเคยได้รับมาก่อนหน้านี้ อาจจะไม่ได้เหมาะกับเรา อาจจะมีคนอื่นที่ทำได้ดีกว่า เพราะบทนั้นอาจจะใกล้กับตัวเขา
ริชก็อาจจะเลือกบทที่ตัวเองเข้าใจจริง ๆ และมั่นใจว่าตัวเองน่าจะเล่นได้ ทำได้ แต่ถ้าอันไหนรู้สึกว่าไกลตัวมาก ๆ หรือไม่เข้าใจว่าทำไมตัวละครถึงต้องทำแบบนี้ก็อาจจะไม่รับค่ะ ริชได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ ส่งละครมาให้เรื่อย ๆ แต่ริชก็ไม่คิดจะเก็บโอกาสนี้ไว้กับตัวคนเดียว ถ้าริชรู้ตัวว่าไม่สามารถที่จะเล่นได้ดีก็จะเปิดโอกาสให้คนอื่นที่เขาน่าจะเล่นได้ดีกว่าริชค่ะ (ยิ้ม)”
ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าวงการบันเทิงไม่ใช่ที่ของ ริชชี่ ?
“ในตอนนั้นพอเราเป็นเด็กใหม่ หลาย ๆ คนก็จะมาบอกเรื่องการวางตัวว่าจะต้องทำอย่างนั้นนะ จะต้องทำอย่างนี้นะ อย่าทำแบบนั้นนะ อย่าทำแบบนี้นะ เขาก็จะเข้ามาบอกว่าถ้าทำตัวแบบนี้อยู่ในวงการบันเทิงไม่ได้นะ ซึ่งในตอนนั้นริชไม่เข้าใจว่าการอยู่ของเขาหมายถึงอะไร
ถ้ามองว่าจะต้องมีบุคลิกแบบไหนถึงจะเหมาะ อันนี้ริชอาจจะไม่เหมาะ แต่ถ้าถามริชชอบมั้ย ริชชอบการเป็นนักแสดง ชอบที่จะทำงาน ได้คาแรกเตอร์มา ทำการบ้าน ไปทำงาน แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น อะไรคือการอยู่ในวงการ (หัวเราะ) ทุกวันนี้ริชยังไม่เข้าใจว่าต้องทำตัวอย่างไรถึงจะเรียกว่าอยู่ในวงการ
ส่วนเรื่องอยากกลับไปเป็นนักกีฬา จริง ๆ ริชรู้สึกว่า ในตอนนั้นริชเริ่มต้นจากการเป็นนักกีฬา แล้วได้มาเล่นหนัง หลังจากเล่นหนังเสร็จ ริชก็กลับไปซ้อมแบตฯ กลับไปเรียน การได้มาเล่นหนังเป็นเหมือนอีกหนึ่งความสามารถพิเศษที่ได้ลองทำ ตอนนั้นหลาย ๆ คนก็จะบอกริชว่า เราคือนักแสดงนะ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นดารามันไม่เหมือนกัน และริชก็รู้สึกชอบการเป็นนักแสดง
จริง ๆ ริชชอบการแสดง มันเหมือนมีบางอย่างที่ได้ฝึก เรียนรู้และลองทำ ซึ่งริชไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ พอได้ลองทำ ถึงรู้ว่าตัวเองสามารถทำได้”
รู้จักตัวเองจากดราม่าที่เกิดขึ้น ?
“ริชก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นจากคนอื่นด้วย (ยิ้ม) เพราะริชมองแต่ในมุมของตัวเองว่าคงไม่มีใครสนใจริชหรอก เราเป็นแบบนี้ไม่ได้สำคัญกับทุกคน เมื่อก่อนเวลาไปออกสื่อก็จะโดนดุ ทำไมไม่เป็นอย่างนั้นทำไมไม่เป็นอย่างนี้ จะมีคนคอยพูดเสมอว่าเราไม่โอเค ริชเลยขาดความมั่นใจ ทำให้รู้สึกทำตัวไม่ถูก ทำตัวไม่ดี เลยชอบเลี่ยงที่จะออกสื่อ
แต่พอมีเหตุการณ์นี้เกิดทำให้รู้ว่ามีคนรักริชเยอะนะ สิ่งที่ริชเป็นคนก็ไม่ได้ไม่ชอบ เพราะที่ผ่านมาบางทีริชก็คิดว่าคนอาจจะไม่ชอบเราก็ได้ที่เราเงียบ เป็นแบบนี้คงไม่เหมาะ แต่ริชก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร เพื่อที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครก็ไม่รู้มาชอบมารัก
ริชก็ใช้ชีวิตของตัวเองมาเรื่อย ๆ โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและไม่เคยพูดหรือคิดไม่ดีกับใคร แค่นี้ก็น่าจะโอเคแล้ว แต่พอมีดราม่า สิ่งที่เขามองและพูดถึงทำให้ริชรู้ว่ามันไม่ได้เป็นเหมือนที่ริชเอง อย่างที่ผู้ใหญ่เคยพูดว่าสิ่งที่ริชเป็นมันผิดมันไม่โอเค จนบางทีคิดว่าถ้าจะต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแบบที่เขาต้องการริชก็คงไม่ไหว ก็คงทำไม่ได้
แค่แสดงละครตามคาแรกเตอร์ก็ทำเต็มที่แล้ว จะให้มาเปลี่ยนชีวิตจริง หรือมาแสดงในชีวิตจริงก็คงไม่ใช่ แค่อยากเล่นละครให้ดีที่สุด แต่ถ้าต้องมาเล่นละครตอนโปรโมตละครอีก ริชก็ไม่อยากทำ แต่พอได้เห็นฟีดแบ็กจากทุกคนตอบกลับมา เลยทำให้รู้ว่าสิ่งที่เป็นริชมันโอเค มันไม่ได้เลวร้าย บางคนก็บอกไม่ต้องเปลี่ยนหรอกเพราะสิ่งที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้ทำร้ายใคร มันก็ดีอยู่แล้ว เลยทำให้ริชมีความสุขอยู่ในวงการมากขึ้น (ยิ้ม)”
ที่มา: ไทยรัฐ