ไขคำตอบ ทำไมเงาะ ถึงชื่อ ‘เงาะโรงเรียน’
เงาะ ทำไมต้องเรียก เงาะโรงเรียน เงาะมหาลัยได้ไหม ? เปิดที่มา ประวัติ ผลไม้ลูกเล็กๆ ที่รสชาติหวาน กรอบ อร่อย ที่หลายคนน่าจะเคยลิ้มรสชาติกันจนคุ้นเคยดี
ชื่อเสียงของเงาะโรงเรียนนั้นฮิตติดหูกันมาช้านาน แต่คอเงาะทั้งหลายทราบหรือไม่ว่า ต้นกำเนิดของเงาะโรงเรียนขนานแท้และดั้งเดิมนั้น มาจากที่ไหน แล้วทำไมถึงต้องชื่อ “เงาะโรงเรียน” เรียกเงาะมหาลัย เงาะกศน. หรือ เงาะอาชีวะ ไม่ได้หรือ
นอกจากนี้เราจะขอไปเปิดเผยอีกหนึ่งที่มาอันเอกลักษณ์ของผลไม้ชนิดนี้ว่า ขนปุกปุยที่อยู่บนผืนผิวผลไม้ชนิดนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
ที่มาของชื่อ เงาะโรงเรียน
ก่อนจะไปเรื่องของที่มาของชื่อเงาะโรงเรียน เราขอยกข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ เงาะ กันเสียก่อน
โดยข้อมูลจากวิกิพีเดีย เงาะ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Nephelium lappaceum Linn เป็นไม้ผลเมืองร้อนขนาดกลางในวงศ์ Sapindaceae เป็นผลไม้พื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไม้ผลที่เจริญเติบโตได้ดี ในบริเวณที่มีความชื้นค่อนข้างสูง
เงาะในประเทศไทย นิยมปลูกกันมากในบริเวณภาค ตะวันออกและภาคใต้ อาทิ พันธุ์สีทอง พันธุ์น้ำตาลกรวด พันธุ์สีชมพู พันธุ์โรงเรียน และพันธุ์เจ๊ะมง เป็นต้น
พันธุ์เงาะที่นิยมปลูกเป็นการค้า มีแค่ 3 พันธุ์ คือ พันธุ์โรงเรียน พันธุ์สีทอง และพันธุ์สีชมพู ส่วนพันธุ์อื่น ๆ จะมีปลูกกันบ้างประปราย
ในอดีตประเทศที่ผลิตและส่งออกรายใหญ่ได้แก่ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่ปัจจุบันพบว่าประเทศผู้ผลิตใหม่ เช่น ออสเตรเลีย และฮอนดูรัส ได้เข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มมากขึ้น
สำหรับที่มาของเงาะโรงเรียนนั้น ข้อมูลจาก เฟซบุ๊กแฟนเพจ เมืองนาสาร Nasan City คำว่า “โรงเรียน” หมายถึง โรงเรียนนาสาร อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากชายชาวจีนสัญชาติมาเลเซียที่ชื่อ Mr. K. Wong ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่เมืองปีนังได้นำเมล็ดพันธุ์เงาะมาจากปีนังมาปลูกข้างบ้านพัก 4 ต้น ต่อมาปรากฏว่าเงาะมีลูกเป็นสีเหลืองบ้าง แดงบ้าง รสเปรี้ยวบ้าง หวานบ้าง
แต่เฉพาะต้นที่ 2 นับจากทิศตะวันออกมีลักษณะพิเศษกว่าต้นอื่น คือ เนื้อสุกแล้วเปลือกผลเป็นสีแดง แต่แม้สุกจัดเท่าไหร่ก็ตาม ขนที่ผลยังมีสีเขียวอยู่ รูปผลค่อนข้างกลม เนื้อกรอบ หวาน หอม เปลือกบาง เงาะต้นนี้คือ “เงาะพันธุ์โรงเรียน” สาเหตุที่เรียกว่าเงาะพันธุ์โรงเรียน เพราะในปี พ.ศ.2479 Mr. K. Wong ต้องเลิกล้มกิจการเหมืองแร่และเดินทางกลับไปอยู่ที่เมืองปีนังภูมิลำเนาเดิม จึงขายที่ดินดังกล่าวพร้อมด้วยบ้านพักให้แก่กระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการ) แผนกธรรมการ อำเภอบ้านนา (อำเภอบ้านนาสาร) ทางราชการจึงปรับปรุงบ้านพักใช้เป็นอาคารเรียน และย้ายโรงเรียนนาสารซึ่งขณะนั้นตั้งอยู่ที่วัดนาสารมาอยู่อาคารดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 พฤศจิการยน พ.ศ.2479 แต่เงาะพันธุ์โรงเรียนในขณะนั้นยังมิได้แพร่หลายแต่ประการใด เนื่องจากการส่งเสริมทางการเกษตรยังไม่ดีพอ
กระทั่งต่อมาในปี พ.ศ.2489-2498 มีบุคคลตอนกิ่งไปขายพันธุ์เพียง 3-4 รายเท่านั้น ครั้นถึงปี พ.ศ.2500-2501 ได้มีกรรมวิธีแพร่พันธุ์เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือการทาบกิ่ง มีการทาบกิ่งเงาะต้นนี้ไปเป็นจำนวนมาก ในระยะเดียวกันนั้น เงาะที่มาจากจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส คือเงาะพันธุ์ยาวี เจ๊ะโมง เปเราะ ก็เข้ามาแพร่หลายพอสมควร ประชาชนเห็นว่าเงาะต้นนี้ยังไม่มีชื่อ จึงชักชวนกันเรียกเงาะต้นนี้ว่า “เงาะพันธุ์โรงเรียน” เพราะต้นแม่พันธุ์อยู่ที่โรงเรียนนาสาร
เงาะโรงเรียน ลักษณะ ?
มีลักษณะผลกลมรี เปลือกหนา และมีขนยาว ผลสุกเต็มที่ เปลือกจะมีสีแดงเข้ม ขนส่วนโคนมีสีแดงเข้ม ขนส่วนปลามีสีเขียวอ่อน
ความลับของ”ขนเงาะ”
อันที่จริงแล้ว ขนเงาะนั้นเป็นวิวัฒนาการการปรับตัวของผลไม้เมืองร้อนชื้นนนี้นี่เอง จากการทำให้ผลของตัวเองดูไม่น่ากิน ด้วยการสร้างขนไว้ทั่วผล เพื่อปกป้องเมล็ดที่เปราะบางภายในและหลีกเลี่ยงการถูกกินโดยสัตว์ต่าง ๆ เพื่อที่จะได้อยู่รอดในระบบนิเวศ เช่นเดียวกับผลไม้อื่น ๆ ที่ได้มีการปรับตัวในแบบเดียวกัน เช่น ทุเรียน ขนุน เป็นต้น
ส่วนในเรื่องของประโยชน์นั้น เงาะ มีสารที่มีชื่อว่า แทนนิน ซึ่งสารตัวนี้สามารถใช้ฟอกหนัง ย้อมผ้า บำบัดน้ำเสีย ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ป้องกันแมลง ทำเป็นปุ๋ย ทำเป็นกาว และทำยารักษาโรค แต่มีโทษคือมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร หากกินเข้าไปมากจะทำให้รู้สึกท้องอืด หรือท้องผูก มีอาการเหมือนกับการดื่มน้ำชา ขณะที่เปลือกผลของเงาะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ด้านคุณค่าทางโภชนาการ การรับประทานเงาะสดสามารถแก้อาการท้องร่วงชนิดรุนแรง ได้ผลดี นอกจากนี้ผลเงาะนำมาต้ม นำน้ำที่ได้มาเป็นยาแก้อักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาอาการอักเสบในช่องปาก และโรคบิดท้องร่วง มีข้อควรระวัง คือเม็ดในของเงาะมีพิษแม้ว่าจะเอาไปคั่วจนสุกแล้ว แต่ถ้ารับประทานมากเกินไปจะมีอาการปวดท้อง เวียนศีรษะ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้นไม่ควรจะรับประทานเม็ดจะดีที่สุด