วิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ถูกหักเงินจากบัตรเครดิต เดบิต โดยไม่รู้ตัว
วิธีป้องกันตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ถูกหักเงินจากบัตรเครดิต เดบิต ที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนี้ หลังมิจฉาชีพแห่ดูดเงิน ผู้เสียหายกว่า 4 หมื่นราย
หลังจากที่โลกออนไลน์มีการเปิดผยความเสียหายจากการโดนหักเงินในบัญชีโดยไม่ทราบที่มา จนเกิดมีการตั้งกลุ่มเฟซบุ๊ก “แชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว” โดยผู้เสียหายตรวจสอบพบว่ามีเงินถูกหักจากบัญชีธนาคารโดยไม่รู้ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยอดเงินจำนวนไม่มาก 30 บาทบ้าง 36 บาทบ้าง
แต่เป็นการดูดเงินหายไป หลายครั้ง บางคนโดนจนเกลี้ยงบัญชี และโดนกันหลากหลายธนาคาร โดยรายการธุรกรรมเหล่านี้ จะระบุว่าเป็นการ “ชำระค่าสินค้าผ่าน EDC”
ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ The Thaiger จึงขอแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้ถูกหักเงินจากบัญชี หรือ บัตรเครดิต บัตรเดบิต ตลอดจนขั้นตอนป้องกันภัยแต่เนิ่นๆ ดังนี้
– นำแผ่นสติกเกอร์ทึบแสงปิดรหัสหลังบัตร 3 ตัว หรือจดจำรหัสนั้นเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตร เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ มิให้แอบถ่ายรูปด้านหน้าและหลังบัตรเพื่อนำไปใช้จ่ายในโลกออนไลน์
– หากซื้อสินค้าออนไลน์ ถ้าไม่แน่ใจในเว็บไซค์แปลกๆ ไม่ควรบอกหมายเลขบัตรเครดิต หรือข้อมูลส่วนตัวโดยไม่จำเป็น
– หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือผ่านทางออนไลน์ที่ต้องแจ้งข้อมูลด้านหน้าบัตรและรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร
– อย่ากดลิงก์ สื่อต่างๆ หรือ SMS แบบทันทีทันใด เช็คให้ชัวร์ ตรวจสอบ SMS ให้แน่ใจ ก่อนทำรายการ เพื่อป้องกันการถูกล้วงข้อมูลส่วนตัวไปใช้
– เวลาใช้จ่ายบัตร ระวังอย่าเอาบัตรให้เจ้าหน้าที่รูดบัตร หรือ พนักงานเอาข้อมูลเก็บไว้แล้วไปขายตค่อหใมิจฉาชีพ
– กรณีใช้บัตรรูดซื้อสินค้า ควรไม่ให้เจ้าหน้าที่นำบัตรไปรูดชำระสินค้าในที่ลับตา เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่หรือพนักงานนำข้อมูลในบัตรไปขายต่อให้มิจฉาชีพ
– จำกัดวงเงินในการใช้จ่ายบัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต และหมั่นตรวจสอบการใช้บัตรเครดิตอยู่เสมอ
– ควรรักษาบัญชีผู้ใช้ให้เป็นความลับในทุกกรณี
– หากเกิดการโจรกรรมบัตรเครดิตไปแล้วต้องรีบโทรแจ้งธนาคารที่ออกบัตรทันทีที่บัตรของเราสูญหาย และควรแจ้งความที่สถานีตำรวจ และเก็บเอกสารแจ้งความไว้เป็นหลักฐานในการชี้แจ้งกรณีที่มีการรูดใช้ชำระสินค้า และบริการที่ไม่ใช่เกิดจากเรา
โดยข้อมูลล่าสุด พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกภาคดำเนินการรับแจ้งความทุกคดีไม่ว่าเหตุเกิดที่ใดก็ตาม จึงประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายทราบว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้นไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด สามารถเดินทางไปแจ้งความได้กับทุกสถานี แม้เรื่องที่เกิดจะอยู่คนละจังหวัดก็ตาม
นอกจากนี้ ลูกค้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของรายการธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายตามขั้นตอนของธนาคารโดยเร็วต่อไป
สำหรับผู้ที่ถูกหักเงินออกจากบัตร บัญชีธนาคารผิดปกติ สามารถรีบโทรไปแจ้งอายัติตามหมายเลข Call Center (คอลเซ็นเตอร์) ธนาคารนั้น ๆ ได้ รีบโทรทันทีที่รู้ตัว ยิ่งตัดวงจรการถูกปล้นเงินได้ไว
-ธนาคารกรุงเทพ โทร. 1333
-ธนาคารกรุงไทย โทร. 0-2111-1111
-ธนาคารกรุงศรีอยุธยา โทร. 1572
-ธนาคารกสิกรไทย โทร. 0-2888-8888
-ธนาคารเกียรตินาคินภัทร โทร. 0-2165-5555
-ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย โทร. 0-2626-7777
-ธนาคารทหารไทยธนชาต โทร. 1428
-ธนาคารทิสโก้ โทร. 0-2633-6000
-ธนาคารไทยพาณิชย์ โทร. 0-2777-7777
-ธนาคารยูโอบี โทร. 0-2285-1555
-ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ โทร. 1327
-ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด โทร. 0-2724-4000
-ธนาคารไอซีบีซี โทร. 0-2629-5588
-ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย โทร. 0-2697-5454
-Bank of China โทร. 0-2679-5566
-ธนาคารซิตี้แบงก์ โทร. 1588
-ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 1357
-ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร. 0-2555-0555
-ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย โทร. 0-2271-3700
-ธนาคารออมสิน โทร. 1115
-ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 0-2645-9000
-ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร. 1302
-บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย โทร. 0-2018-3636
-บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม โทร. 0-2890-9999
ขณะเดียวกันสามารถปรึกษาข้อสงสัย อาชญากรรมทางเทคโนโลยี แจ้งเบาะแส ขอความช่วยเหลือ ได้ที่ โทร 1441 ในเวลาราชการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.30 น. – 16.30 น.
ทั้งนี้สำหรับผู้เสียหายสามารถ สแกน QR Code เพื่อกรอกข้อมูลกรณีถูกแฮกเงินในบัญชี
อุ่นใจด้านการเงิน เมื่อป่วยเป็นโรคร้ายแรง สนใจทำประกันโรคร้ายแรงกับ Tadoo คลิกที่นี่