ชาวเน็ตแห่ติด #การก่อการร้ายแบบพลีชีพ หลังญี่ปุ่นร่อนจดหมายเตือนก่อการร้าย
ชาวเน็ตร่วมติด #การก่อการร้ายแบบพลีชีพ จากกรณีที่ญี่ปุ่นร่อนจดหมายเตือนประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ระวังก่อการร้ายในพื้นที่ดังกล่าว
หนึ่งในแฮชแท็คที่มาแรงในขณะนี้คงหนีไม่พ้น #การก่อการร้ายแบบพลีชีพ ที่พูดถึงจดหมายจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่ส่งให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นที่อาศัยในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย, เมียนมา, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และได้สร้างความกังวลให้กับชาวเน็ตเป็นอย่างมากนั้น
นาย ธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้เคยออกมาชี้แจงผ่านทวิตเตอร์กรณีที่ รัฐบาลญี่ปุ่นส่งเอกสารให้กับพลเมือง ให้เฝ้าระวังเหตุก่อการร้ายในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วยนั้น
นายธานี ระบุว่า อีเมล์ฉบับนี้กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ส่งให้ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นประเทศไทย และไม่ได้ระบุที่มาของข้อมูลดังกล่าว ทำให้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้มีชาวญี่ปุ่นได้รับอีเมล์ที่มีใจความว่า ขอให้ชาวญี่ปุ่นระมัดระวังการโจมตีหรือการก่อการร้าย โดยเฉพาะการระเบิดพลีชีพตนเองในสถานที่ที่มีคนรวมตัวจำนวนมาก จึงขอให้ดำเนินการตามมาตรการ ดังนี้
1.ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
2.ปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการของทางการท้องถิ่น หากเกิดเหตุขึ้น
3.เมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก ให้สังเกตสถานการณ์รอบๆ ตัว หรือใช้เวลาอยู่สถานที่เหล่านั้นให้สั้นที่สุด หากพบว่ามีความน่าสงสัยให้รีบออกจากสถานที่ดังกล่าวโดยสถานที่ที่ควรระมัดระวัง เช่น วัด โบสถ์ มัสยิด เป็นต้น
ขณะที่สำนักงานตำรวจ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวว่าถึงกรณีที่สถานทูตญี่ปุ่นแจ้งเตือนเหตุก่อการร้ายนั้น ว่า จากข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) พบว่ามีการแจ้งเตือนจากสถานทูตญี่ปุ่น ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนตามวงรอบ ไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีการก่อการร้าย ขณะนี้ยังไม่มีการเฝ้าระวังสิ่งใดเป็นพิเศษ และทางเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์พร้อมการประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนอย่าได้วิตกกังวลและใช้ชีวิตตามปกติ
รองโฆษก ตร.ย้ำว่าทางไทยมีการเฝ้าระวังอยู่แล้ว โดยเฉพาะการประสานงานด้านการข่าวฝ่ายความมั่นคงทั้งในและต่างประเทศอยู่แล้วทั้งด้านข่าวกรองและการต่อต้านข่าวกรอง ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยสถานที่ตั้งของสถานทูตรวมถึงสถานที่พำนักของเอกอัครราชทูตหรือเจ้าหน้าที่ทางการทูตในประเทศไทยมีการประสานงานกับตำรวจท้องที่ โดยเฉพาะตำรวจ 191 อยู่แล้วก็ดำเนินการควบคู่กันไป รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนด้านข่าวกรองตลอดเวลา และขณะนี้ไม่ได้ห่วงที่ใดเป็นพิเศษ เนื่องจากการรักษาสถานที่สำคัญและบุคคลสำคัญในประเทศก็เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลร่วมกับตำรวจนครบาลหรือหากมีสถานกงสุล หรือสถานทูตตั้งอยู่ต่างจังหวัดก็มีการประสานกับตำรวจท้องที่อยู่แล้วเช่นกันตรงนี้ไม่เป็นห่วง และพร้อมให้การสนับสนุนทันทีหากมีการร้องขอขึ้นมา