ทนายษิทรา ออกมาโพสต์อัปเดต คดีผู้กำกับโจ้ แจงคืบหน้าไปมาก
ทนายษิทรา เดินทางให้ปากคำคดีผู้กำกับโจ้ พร้อมหอบหลักฐานคลิปเหตุการณ์มอบให้คณะกรรมการสอบสวนของจเรตำรวจแห่งชาติ
วันที่ 14 กันยายน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โดยเป็นการอัปเดตความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีของ “ผู้กำกับโจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์
โดยข้อความในโพสต์ ระบุดังนี้ #อัพเดตคดีโจ้ถุงดำครับ วันนี้ผมได้มาให้การและนำคลิปเหตุการณ์คดีผู้กำกับโจ้มามอบให้คณะกรรมการสอบสวนของจเรตำรวจแห่งชาติ ในคดีสอบวินัยร้ายแรงผู้กำกับโจ้พร้อมพวกรวม 7 คน โดยพล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาสอบและรับมอบหลักฐานด้วยตัวเอง
ในส่วนคดีวินัยถือว่าคืบหน้าไปเยอะมาก ทราบจาก พล.ต.ท.สราวุฒิฯ ว่า พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติได้สั่งให้รีบสอบสวนโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยขณะนี้ได้มีการแจ้งข้อหาแก่ผู้กำกับโจ้พร้อมพวกไปแล้ว หลังจากวันนี้คณะกรรมการก็จะเข้าไปสอบผู้กำกับโจ้อีกครั้งหนึ่ง และให้ผู้ต้องหาชี้แจง แล้วจะรีบสรุปสำนวนวินัยร้ายแรง โดยจะให้ความจริงปรากฎต่อสังคมโดยเร็วที่สุด
คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน และพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งนิ้วไหนร้ายก็ให้ตัดทิ้ง ผมในฐานะภาคประชาชนก็สนับสนุนแนวคิดของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหากมีตำรวจคนไหนที่ทำไม่ดี ทำผิดกฎหมายซะเอง ผมก็จะส่งข้อมูลให้กับท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วยตนเอง ส่วนตำรวจที่ดีผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตต่อไปเรื่อยๆนะครับ
ด้านรายงานข่าวจากเว็บไซต์ คมชัดลึกออนไลน์ ระบุ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช รองจเจตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง ในคดีผู้กำกับโจ้ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนสอบปากคำ นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ว่า ในวันนี้ได้เชิญทนายตั้ม มาให้ปากคำ เกี่ยวกับที่มาของคลิป และรายละเอียดทั้งหมด
โดยคณะทำงานจะทำการรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จ จากนั้นจะเข้าไปแจ้งข้อหากับตำรวจ ทั้ง 7 นายภายในเรือนจำ ซึ่งจะให้สิทธิ์ตำรวจทั้ง 7 นาย ในคดี “ผู้กำกับโจ้” สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ทุกเรื่อง แต่ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งในการตรวจสอบครั้งนี้ คณะทำงานของตนเองจะเน้นไปที่การตรวจสอบเพื่อลงโทษทางวินิย โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา
ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า กรณีคลิปฉาวคดีผู้กำกับโจ้ ที่ถูกปล่อยออกมา เกิดจากความขัดแย้งของตำรวจชุดจับกุมยาเสพติดนั้น จะยังไม่มีการตรวจสอบในชั้นนี้ เนื่องจากเป็นคนละประเด็น แต่ยืนยันว่าที่มาของคลิปไม่มีผลต่อการพิจารณาโทษทางวินัยกับนายตำรวจทั้ง 7 นาย ซึ่งโทษทางวินัยจะพิจารณาเป็นรายบุคคลไปตามพยานหลักฐานและการกระทำ
ทั้งนี้ หาก ทนายษิทรา ปฏิเสธที่จะบอกที่มาของคลิปในคดี “ผู้กำกับโจ้” ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน เนื่องจากตำรวจมีขั้นตอนการสอบสวน อีกทั้งมีพยานหลักฐานอย่างอื่นมาประกอบ