ข่าวเศรษฐกิจ

ผู้ว่า ธปท. เผย ยังไม่หนุนใช้ Cryptocurrencies ชำระหนี้ตามกฎหมาย

ผู้ว่าการ ธปท. ได้เปิดเผยในงานสัมมนาว่า ทางหน่วยจะยังคงไม่สนับสนุนให้ใช้งาน Cryptocurrencies ชำระหนี้ตามกฎหมาย โดยจะไปหนุน CBCD ของรัฐแทน

เมื่อวานนี้ (13 ก.ย. 2564) – สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้ทำการรายงานข่าวถึงการที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยว่าจะยังคงไม่สนับสนุนให้สามารถใช้งาน Cryptocurrencies ชำระหนี้ตามกฎหมาย ได้ โดยทางหน่วยงานมองว่ามูลค่ายังคงผันผวน และมีความเสี่ยงสูง

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำการเปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ The Future of Financial System อนาคตโลกการเงิน ไว้ว่า ธปท. ยืนยันว่าปัจจุบันไม่สนับสนุนให้ใช้ Cryptocurrencies เพื่อมาชำระเงินตามกฎหมาย

เนื่องจากราคาของสินทรัพย์ผันผวน มีความเสี่ยงด้านไซเบอร์และอาจถูกใช้ในการฟอกเงิน รวมทั้งยังมีคนไม่เข้าใจความเสี่ยง และทางหน่วยงานนั้นจะสนับสนุนให้เทคโนโลยีผ่านสกุลเงินของรัฐในรูปแบบดิจิทัล หรือ ซีบีดีซี (CBDC) เปิดกว้างให้คนเข้าถึงง่ายต่อยอดไปสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นหลักแทน

นอกจากนี้ ในปัจจุบัน พบว่า มีกระแสชักชวนการลงทุน หรือภัยการเงินดิจิทัลต่าง ๆจำนวนมาก ซึ่งประชาชนหลายคนยังมีความไม่เข้าใจ และอาจเกิดถูกหลอกลวงได้ จึงเตือนให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังสูงเป็นพิเศษ

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่าได้กล่าวว่า โลกอนาคตระบบการเงินจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่ง ธปท.จะมีบทบาทสำคัญที่จะรองรับต่อความเปลี่ยนแปลงของการเงินในอนาคต มี 3 มิติที่สำคัญ ดังนี้

  1. More open data หรือการนำฐานข้อมูลที่มีอยู่ไปใช้ในการให้บริการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแชร์ data footprint ระหว่างธนาคารได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ซึ่งทำให้การใช้ข้อมูลประกอบการขอสินเชื่อทำได้รวดเร็ว เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อ
  2. More open competition หรือ การทำให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการทางการเงิน ที่จะได้รับบริการทันสมัย มีการพัฒนาต่อยอดมากขึ้น จากผู้เล่นที่เข้ามามากขึ้น
  3. More open infrastructure ทำโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลายให้กับผู้เล่นทั้งรายเก่าและรายใหม่ เพื่อนำไปใช้ต่อยอดนวัตกรรมการพัฒนาการให้บริการทางการเงินของไทย

นายเศรษฐพุฒิ ได้กล่าวว่า “มองไปข้างหน้าจะเห็นได้ว่าในภาคการเงินย่อมจะมีผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการให้บริการมากขึ้น ซึ่งอาจไม่ใช่ผู้เล่นรายเดิม หรืออาจมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นก็เป็นไปได้ ดังนั้นการเงินในอนาคตจะมีการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น ผู้เล่นหน้าใหม่จะมีมากขึ้น และการเข้าถึงบริการทางการเงินจะต้องเป็นแบบ Any time, Any where, Any device และการเปลี่ยนแปลงทางการเงินที่รวดเร็วนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างตรงจุด สามารถแก้ปัญหาข้อบกพร่องในอดีตได้ และมีการพัฒนาต่อยอดไปสู่นวัตกรรมทางการเงินในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น”

ในโลกอนาคตระบบการเงินที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งเรื่องข้อมูลดาต้า ทำอย่างไรให้การใช้ข้อมูลเต็มประสิทธิภาพ ใช้ได้สะดวก , การแข่งขันกว้างขึ้น ให้มีการแข่งขันจากผู้เล่นใหม่ๆ อาจไม่ใช่ธนาคารเข้ามาแข่งขันด้วย และสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ผู้เล่นปัจจุบันและผู้เล่นใหม่เข้ามาหลากหลายมากขึ้น ต่อยอดนวัตกรรมได้ เช่น โครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Currencies) หรือ Cryptocurrencies

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเคอเรนซี ทำให้ธปท. ต้องเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไว้ เพราะคนกำลังให้ความสนใจรองรับโลกอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นมีผู้เล่นหน้าใหม่อย่างชัดเจน และเป็นความท้าทายมากของหน่วยงานกำกับดูแล เพราะเทคโนโลยีที่นำมาใช้อยู่บนบล็อกเชนทำให้มีผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามามาก จึงการตีความเริ่มท้าทายของหน่วยงานกำกับว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวข้องกับประเภทใด

โดยในเวลานี้ก็ได้มีบางประเทศที่เปิดให้สามารถใช้งาน Cryptocurrencies ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายได้แล้ว ขณะที่การชำระหนี้ตามกฎหมายนั้น ยังคงมีข้อจำกัดในการดำเนินการเป็นอย่างมาก และประเทศที่เพิ่มอนุมัติการใช้งานแบบดังกล่าวอย่าง เอลซัลวาดอร์ ก็ยังคงประสบปัญหาในการประยุกต์ใช้อยู่ในเวลานี้ด้วยเช่นกัน

 

แหล่งที่มาของข่าว : สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย – eFinanceThai

สามารถติดตามข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวเศรษฐกิจ

 

 

N. Siripariyasak

นักเขียนคอนเทนต์ จับประเด็นด้านเศรษฐกิจ-การเงิน, เทคโนโลยี, ไอที และเกมส์ อัปเดตข่าวทั้งจากในประเทศไทย และต่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button