ข่าวข่าวอาชญากรรม

Drama Addict สรุปประเด็น หมอชันสูตร ชี้แจงคดี ผู้กำกับโจ้

หมอชันสูตร คดีของ ผู้กำกับโจ้ ได้ออกมาไขข้อสงสัยถึงการกรอกสาเหตุการตาย โดยหมอระบุว่าถ้าไม่ลงสาเหตุการตายเอกสารจะโดนตีกลับ ชี้เจอแอมเฟตามีนในผู้ตายจริง

เพจ Drama Addict ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กถึงประเด็น คุณหมอที่เป็นคนชันสูตร มาตอบคำถามทนาย ผ่านคลับเฮาส์ ถึงกรณีการเสียชีวิตของนาย จิระพงศ์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ที่ถูก พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ และ พวกใช้ถุงคลุมศีรษะจนเสียชีวิต

โดยทางเพจสรุปว่า “-ประเด็นเรื่อง การลงชันสูตร คุณหมออธิบายเรื่อง ลงว่าอันนี้เป็นปัญหาทางเทคนิค เพราะเวลาลงเอกสารเบื้องต้น ถ้ากรอกว่าตายไม่ทราบสาเหตุ จนท ที่อำเภอจะตีกลับ ให้หมอลงสาเหตุการตายอะไรก็ได้ไปก่อน ไม่งั้นจะมีผลในการลงบันทึกข้อมูล อันนี้เป็นปัญหาหน้างานที่พบจริงในบางพื้นที่ เคสนี้คุณหมอเลยไม่ได้ลงว่า ตายไม่ทราบสาเหตุ

– ส่วนสาเหตุที่ลงว่า อาจเกี่ยวข้องกับแอมเฟตามีน เพราะจากการชันสูตร คุณหมอเจอระดับแอมเฟตามีนในร่างกายผู้ตาย และเจอร่องรอยในอวัยวะบางอย่าง คือ หัวใจ มีร่องรอยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นหย่อมๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ ซึ่งเป็นลักษณะของแอมเฟตามีนโอเวอร์โดสประการนึง

-ดังนั้นคุณหมอเลยลงว่า สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับแอมเฟตามีนโอเวอร์โดสไปก่อน แต่อันนี้ยังไม่จบ จะรู้ผลชันสูตรแบบละเอียดโคตรๆ ในอีกสามวัน

– คุณหมอบอกว่า มีตำรวจมาระบุให้หมอลงข้อมูลว่า ตายโดยเกี่ยวข้องกับแอมเฟตามีนจริงไม่งั้น ผกก จะไม่สบายใจ แต่คุณหมอเห็นว่า ผลชันสูตรหัวใจมันก็มีความเป็นไปได้ เลยลงข้อมูลไปตามนั้น แต่คุณหมอเห็นว่า การร้องขอแบบนี้ ผิดปรกติ ปรกติตำรวจไม่ทำแบบนี้ จากนั้นคุณหมอก็ชันสูตรโดยละเอียด และเก็บตัวอย่างไปตรวจทั้งหมด

-คุณหมอพูดถึงประเด็นที่มีเพจนึงเผยผลแลปล่าุสดของผู้ตายว่า ไม่เจอสารเสพติดในเลือด คุณหมออธิบายว่า ถ้างั้นน่าจะแปรผลว่า ผู้ตายเคยมีประวัติเสพสารเสพติดมาก่อน นานแล้ว และเรื่องหัวใจนั่นก็เป็นผลจากการเสพในอดีตที่ไม่เกี่ยวข้องกับสาเหตุการตายปัจจุบัน

-ส่วนเรื่องผู้ตาย มีข้อมูลใหม่จากคุณหมอว่า ผู้ตาย ไม่ได้ตายในทันที หลัง จนท หามไปส่ง รพ หมอปั๊มหัวใจขึ้น และยื้อไว้ได้ร่วมสิบชั่วโมงก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

-คุณหมอสรุปสาเหตุการเสียชีวิตคร่าวๆ ่เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ 4 อย่าง

1. ขาดอากาศเสียชีวิต

2. มีสารเสพติดในร่างกายปริมาณนึง แล้วมีการกระตุ้นจากบางอย่างทำให้เสียชีวิต

3.สารเสพติดโอเวอร์โดสเสียชีวิต

4.ถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต

จากข้อมูลล่าสุดที่แลปเพิ่งออก น่าจะตัดข้อ 3 ออกไป เพราะไม่เจอสารเสพติดปริมาณที่สูงพอในร่างกายผู้เสียชีวิต แต่ผู้ตายอาจจะเคยเสพมาก่อน ในอดีต หรือเสพมาในปริมาณไม่มาก แล้วมีตัวกระตุ้นบางประการ กระตุ้นจนทำให้ถึงแก่ชีวิต และสารที่ว่าอาจถูกกำจัดออกจากร่างกาย ในช่วงเวลาสิบกว่าชั่วโมง ที่หมอยื้อชีวิตเขาไว้ได้หลังหัวใจหยุดเต้นรอบแรก”

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button