ยังไง? หมอโอภาส ชี้ไม่ใช่ ‘เอกสารหลุด’ แต่เป็น ‘เอกสารไม่จริง’
หมอโอภาส ให้สัมภาษณ์สวนทาง อนุทิน ยืนยันบันทึกประชุมไม่ใช่ ‘เอกสารหลุด’ แต่เป็น ‘เอกสารไม่จริง’ แม้อนุทินจะรับว่าเป็นเอกสารจริง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ให้สัมกาษณ์กรณีเอกสารหลุดที่อ้างว่าเป็นเอกสารจากวาระการประชุมเฉพาะกิจร่วมระหว่างคณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค คณะทํางานวิชาการด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน ซึ่งเป็นการประชุมเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
โดย หมอโอภาส ระบุว่า เอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารฉบับจริงของที่ประชุม โดยวันนั้นเป็นการประชุมวิชาการ มี 3 คณะ คือ คณะกรรมการวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ใน พ.ร.บ. ความมั่นคงด้านวัคซีนของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และคณะกรรมการวิจัยและวิชาการด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน
โดยผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้มีทั้งแบบประชุมผ่านออนไลน์ และประชุมในห้องประชุม ต้องการความเห็นที่หลากหลาย แต่ทั้งหมดเน้นเรื่องวิชาการ เกี่ยวกับวัคซีนต่างๆ รวมทั้งไฟเซอร์ว่าควรต้องฉีดอย่างไรต่อไป เพราะความรู้ใหม่ๆ เปลี่ยนแปลงเร็ว
นพ.โอภาส กล่าวว่า “เอกสารการประชุมที่มีการเผยแพร่ออกไปนั้น ไม่เรียกว่าเอกสารหลุด แต่เป็นเอกสารที่ไม่จริง เพราะคนเขียนสรุปไม่ใช่ฝ่ายเลขาของคณะกรรมการการประชุมนั้นๆ เขียนแบบอ่านเอาเอง ไม่มีแพตเทิร์นทางการ ไม่ใช่เอกสารที่หลุด แต่เป็นเอกสารที่ไม่จริง ส่วนที่ในการประชุมที่มีการเสนอความคิดเห็น อย่างไรเสียไม่มีข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้น”
นพ.โอภาส กล่าวว่า ปกติการประชุมวิชาการก็จะมีความคิดเห็นหลากหลาย เพื่อให้ได้ข้อสรุป คนเข้าร่วมก็แสดงความคิดเห็นได้ แต่ไม่ใช่ข้อสรุปของที่ประชุม จึงต้องดูบริบทว่า เขาพูดอะไร การเอาคำใดคำหนึ่งไปโค้ทอย่างเดียว ถือว่าไม่เป็นธรรม แต่การประชุมวันนั้น ตนก็ไม่ได้เข้าประชุม จึงไม่ทราบว่ามีการพูดอะไร อย่างไร แต่โดยมารยาทก็ไม่ควรพูด แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่เอกสารหลุด แต่ไม่จริงเลย
สำหรับข้อสรุปของวัคซีนที่ไทยใช้ได้ผ่านการรับรองขององค์การอนามัยโลก และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ ซึ่งเราเอามาใช้ต้นปีที่ผ่านมา ก็ควบคุมสถานการณ์ที่สมุทรสาคร และลดการติดเชื้อได้ แม้แต่ภูเก็ตก็ลดได้ 80-90% ส่วนเชียงรายก็เช่นกัน พบว่า บุคลากรที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบถ้วนก็มีประสิทธิผลป้องกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม โควิดมีการกลายพันธุ์ตลอด ภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามข้อมูล
เมื่อถามว่ากรณีไฟเซอร์ที่จะได้รับการบริจาค 1.5 ล้านยังไม่มีข้อสรุปการบริหารจัดการฉีดให้กลุ่มไหนใช่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีการสรุปเป็นทางการว่าจะส่งให้ไทย เมื่อไหร่ อย่างไร ก็ต้องติดตามกันก่อน ต้องเอาข้อมูลมาประมวลก่อนและจะมาบริหารจัดการอีกที เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตามการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ถือว่าขัดแย้งกับที่นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมายอมรับเอกสารชนิดดังกล่าวเป็นเอกสารจริง