ข่าวข่าวอาชญากรรม

ลุงพล ควง ทนายตั้ม บุกสภา ร้องสอบ ผบ.ตร.ไม่รับมอบตัว-ฟ้องเท็จ

ลุงพล และทนายตั้ม บุกสภา ยื่นหนังสือ ร้อง กมธ.กม. สอบ ผบ.ตร.ไม่รับมอบตัว-ฟ้องเท็จออกหมายจับ ทั้งที่ไร้พฤติการณ์หนี

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมด้วยนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตน้องชมพู่ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนที่รัฐสภากับ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร

Advertisements

โดย นายสิระ กล่าวว่า ตน และ กมธ.กฎหมายฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือจากนายไชย์พล วันนี้ เขามายื่นหนังสือเพราะติดใจศาลในการพิจารณาออกหมายจับ ยืนยันว่า จะไม่เกี่ยวกับเรื่องในสำนวนคดี ส่วนประเด็นที่พุ่งเป้าและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงจะเกี่ยวข้องกับรูปคดีหรือไม่นั้น สิ่งใดที่อยู่ในอำนาจเราจะดำเนินการ

ซึ่งไม่ใช่ว่าจะรับเรื่องร้องเรียนในกรณีของนายไชย์พล แต่ประชาชนทั่วไปก็สามารถร้องเรียนมาได้ เบื้องต้นเรายังไม่รับเรื่องไว้พิจารณา ซึ่งจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม กมธ.กฎหมายฯ ภายในสัปดาห์หน้า แต่ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุม กมธ.กฎหมายฯ จะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ ย้ำว่า การดำเนินการต่างๆ จะไม่ก้าวล่วงพยานหลักฐาน และสำนวนคดีต่างๆ ซึ่งจะดูเพียงแค่ตำรวจไม่อำนวยความยุติธรรมไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม หากบรรจุวาระเรื่องดังกล่าวนี้ จึงค่อยมาถามว่าจะเอาใครมาชี้แจงเข้าให้ข้อมูลนี้

“ตนจับพฤติกรรมของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะที่ลงพื้นที่บ้านกกกอก ว่า เคยประกาศว่า จะจับผู้ร้ายให้ได้ภายใน 1 ปี และก็ประจวบเหมาะพอดีว่าการออกหมายจับครั้งนี้ครบ 1 ปีพอดี จึงตั้งข้อสังเกตวันนี้เป็นความบังเอิญ หรือมีการกดดันเจ้าหน้าที่หรือไม่ โดยในวันเสาร์ที่ 12 มิถุนายนนี้

ตนเองและกรรมาธิการจะลงพื้นที่ไปยังบ้านกกกอก เพื่อพบกับแม่ของน้องชมพู่และเจ้าพนักงานสอบสวนเพื่อสอบถามว่าถูกกดดันในการทำคดีหรือไม่ พร้อมฝากถึงแม่น้องชมพู่ ว่า อย่าให้ใครคนใดคนหนึ่งมาปิดช่องทาง และโอกาสจะได้รับความช่วยเหลือด้านความยุติธรรม

แต่มีคนมาเบรกว่าอย่าไป ซึ่ง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ระบุว่า ต้องขออนุญาตก่อน ผมตกใจว่า นายอัจฉริยะ เป็นใคร ตนไม่ได้รู้จัก ไม่ได้ติดใจ แต่ผมต้องไปพบแม่น้องชมพู่ เพราะรับปากนายไชย์พล และแม่น้องชมพู่ ว่า จะเข้ามาดูแลความยุติธรรม ซึ่งการมาปิดกั้นแบบนี้ ขอให้พิจารณาตัวเองด้วย และให้สังคมช่วยพิจารณาว่าเป็นอย่างไร เพราะเราต้องการลงไปทำงาน

Advertisements

ยืนยันว่า การยื่นเรื่องร้องเรียนในวันนี้ ไม่เกี่ยวกับกลบข่าวกรณีพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน หรือเรื่องการเมือง ขออย่าเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะวันนี้ประชาชนมาหาความยุติธรรม ซึ่งเราทำหน้าที่ของ กมธ.กฎหมายฯ” นายสิระ กล่าว

ด้าน นายษิทรา กล่าวว่า เรามายื่นเรื่องร้องเรียนวันนี้ เกิดจากเราไม่ได้รับความเป็นธรรม ในเรื่องการดำเนินคดีของนายไชย์พล จากตำรวจ จึงต้องมาร้องเรียนประธาน กมธ.กฎหมายฯ เพื่อตรวจสอบ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในประเด็นที่ร้องเรียน คือ การออกหมายจับนายไชย์พล ยืนยันว่า ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่เจ้าพนักงานไปทำคำร้องออกหมายจับ อ้างเหตุว่า มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง ทำให้ศาลหลงเชื่อ และมีการออกหมายจับ

หลังจากมีการออกหมายจับ เราได้ไปมอบตัว แต่ ผบ.ตร. ซึ่งเป็นหัวหน้าเจ้าพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ กลับไม่ยอมรับมอบตัวและทำบันทึกการจับกุม เพื่อให้ นายไชย์พล ได้รับความอับอาย ซึ่งมีผลต่อการคัดค้านการประตัวในชั้นศาล และในส่วนของมารดาของน้องชมพู่ ได้บอกกับเราในศาล ว่า ที่ทำคำร้องทั้งหมดเพราะตำรวจแนะนำ

ทำให้เห็นว่าเรื่องดังกล่าว ตำรวจไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับนายไชย์พล และเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้นายไชย์พล แลเป็นผู้ร้าย และต้องใช้กำลังตำรวจเข้าจับกุมและล็อกกุญแจมือ ทั้งที่เราเข้ามอบตัวแล้ว วันนี้จึงต้องเข้ามาขอความเป็นธรรม เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบ.ตร.และเจ้าพนักงานสอบสวน รวมถึงคนที่เข้าให้การในชั้นศาล

“การที่ศาลขอออกหมายจับต้องอยู่ที่ดุลพินิจศาลพิจารณา แต่กรณีที่ของเรา การที่การออกมาจับโดยยื่นคำร้องเป็นเท็จให้ศาลหลงเชื่อว่า นายไชย์พล มีพฤติกรรมหลบหนี ซึ่งความเป็นจริงนั้น ไม่มี และศาลไม่รู่ว่าตำรวจยื่นคำร้องเป็นจริงหรือไม่ จึงต้องขอให้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนี้” นายษิทรา กล่าว

เมื่อถามว่า กรณีที่ผู้เสียหายตั้ง นายวินัย ชุมสวัสดิ์ เป็นทนายเพื่อต่อสู้คดีนั้น นายษิทรา กล่าวว่า ในฐานะทนาย ตนดีใจที่ผู้เสียหายมีทนายมารักษาสิทธิ์ให้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของแม่น้องชมพู่ แม้ว่าตนเองจะอยู่ฝ่ายนายไชย์พล ก็ไม่ขัดข้อง ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งทีมทนายเพื่อเป็นไม้เบื่อไม้เมานั้น นายษิทรา กล่าวว่า ตนไม่คุ้นชื่อนี้ ซึ่งเขาอาจจะเก่งมีความรู้ความสามารถ แต่ตนไม่รู้จักเท่านั้นเอง ยืนยันว่า การเลื่อนนัดหมายในวันนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแถลงข่าวเปิดตัวทนายของแม่น้องชมพู่แต่อย่างใด

เมื่อถามว่า กรณีที่ นายวินัย เป็นทีมทนายของนายอัจฉริยะ มีความกังวลหรือไม่ นายษิทรา กล่าวว่า ตนไม่ได้กังวลใจ เพราะนายอัจฉริยะ ฟ้องตนมาแล้วร่วม 10 คดี แต่ไม่มีคดีไหนเลยที่ชนะ เพราะไม่ยกฟ้องหรือถอนฟ้องไปเอง ดังนั้น การที่เขาออกจะให้สัมภาษณ์ว่าเจตนาหลายคดี ต้องเล่าให้หมดด้วยว่า ไม่ได้ชนะตน

เมื่อถามว่าต่อว่า ยื่นเรื่อง กมธ.กฎหมายฯ ทราบดีว่า วันนี้มีประชุม พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จะเป็นการแย่งพื้นที่ข่าวหรือไม่นั้น นายษิทรา กล่าวว่า ตนไม่ทราบวามีการประชุม พ.ร.ก.กู้เงิน ซี่งได้ทราบหลังจากนัดหมายนายสิระแล้ว และถามด้วยว่าจะเปลี่ยนวันหรือไม่ แต่เนื่องด้วย นายไชย์พล เดินทางมาแล้ว และสะดวกในวันนี้

ด้าน นายไชย์พล กล่าวว่า ขอบคุณ กมธ.กฎหมายฯ ที่ได้รับเรื่อง ตนอยากให้ กมธ.กฎหมายฯ ทำงานอย่างรอบคอบ ตรงไปตรงมา เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกคนได้รับความยุติธรรม ยืนยันว่า พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เชื่อว่า ประชาชนคนไทยทุกคนต้องการความยุติธรรมและความเสมอภาค ส่วนที่ประชาชนมองว่าเราเป็นคนร้ายไปแล้วนั้น การดูสื่อ ต้องทำอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ ตนได้อ่านคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย แต่เลือกที่จะอ่านผ่านๆ เพราะทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้ แต่ขอให้ยืนอยู่บนความถูกต้อง

ในช่วงท้าย นายสิระ ให้ นายไชย์พล สัญญากับประชาชนว่า ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งศาลจะเชื่อหรือไม่นั้น และจะยกฟ้องหรือตัดสินว่ามีความผิด จะต้องยอมรับในดุลพินิจของศาล แต่ขอให้มีการแสดงพยานหลักฐานหักล้างอย่างเต็มที่ ด้าน นายไชย์พล กล่าวยืนยันว่า “จะเคารพการตัดสินของศาล และไม่มีทางที่จะหนีไปไหน”

ทั้งนี้ หลังจากยื่นหนังสือเสร็จ ป้าแต๋นได้นำผ้าทอมือของจังหวัดมุกดาหาร ให้นายไชย์พลนำผ้าดังกล่าวผูกเอวนายสิระ โดยระบุว่า เป็นของที่ระลึกมามอบให้กับนายสิระ โดยนายสิระก็ได้ที่พูดติดตลกว่า ของชิ้นนี้ไม่เกิน 3000 บาท ใช่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม นายษิทรา และ นายไชย์พล เดินทางมาล่าช้ากว่ากำหนด 3 ชั่วโมง เนื่องจากตามกำหนดการเดิม ในเวลา 10.00 น. แต่ภายหลังได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รับประทานอาหารที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงเดินทางมายังรัฐสภา โดยทางทนายความชี้แจงว่า ได้ติดต่อมาเลื่อนนัดกับนายสิระแล้ว โดยมีตำรวจรัฐสภาขับรถกอล์ฟจากหน้าอาคารรัฐสภามาส่งยังบริเวณสถานที่แถลงข่าว

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button