กทม. ตอบ เกณฑ์บังคับใส่หน้ากากอนามัย สวมยังไงไม่ถูกปรับ
กทม. ตอบ เกณฑ์บังคับใส่หน้ากากอนามัย สวมแมสก์ยังไงไม่ถูกปรับ
สืบเนื่องจากกรณี กรุงเทพมหานครออกประกาศ เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาทและไม่อาจใช่สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง (๑) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ประกาศดังกล่าว ก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า หลักเกณฑ์การสวมหน้ากาอนามัยนอกเคหสถาน ต้องสวมยังไงถึงไม่ผิด ไม่ถูกปรับ ประกอบกับก่อนหน้านี้ ทางเพจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์รูปขณะประชุม โดยเป็นบุคคลเดียวที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย และได้ลบรูปภาพดังกล่าวในเวลาต่อมา ทำให้สื่อมวลชนได้สอบถามไปยังกรุงเทพมหานครว่า กรณีการประชุมพบปะผู้คน ไม่ได้อยู่นอกเคหสถาน แต่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย เช่นนี้ถูกหรือไม่
ล่าสุด ทางกรุงเทพมหานคร โดย นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า ตามที่ประชาชนและสื่อมวลชนมีข้อสงสัยกรณีการบังคับให้ใส่หน้ากาก ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เจตนาในการประกาศคือ ป้องกันการติดต่อของโรคจากบุคคลไปสู่บุคคล การอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในอาคารหรือที่ต่าง ๆ จะต้องสวมหน้ากาก สำหรับในที่สาธารณะต้องใส่ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือไม่ เพราะบุคคลอื่นอาจมาใช้สถานที่นั้นต่อ
ซึ่งกรณีที่ทางกรุงเทพมหานครชี้แจงประกอบไปด้วย ถ้าขับรถยนต์ที่มีคนนั่งโดยสารมาด้วย แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า กรณีนั่งคนเดียว อนุโลมไม่ต้องใส่หน้ากาก
กรุงเทพให้นิยามว่า สตูดิโอที่ผู้ประกาศข่าวจัดรายการ การถ่ายทำ เป็นสถานที่นอกเคหะสถานและสถานที่พำนัก เป็นห้องปิด และเป็นที่ที่มีคนมาทำงานมากกว่า 1 คน ผู้ประกาศข่าวที่อ่านข่าวหรือจัดรายการ จึงอยูในเกณฑ์ที่ต้องสวมหน้ากากตามที่กำหนดในประกาศ อีกทั้งผู้ประกาศข่าวเป็นบุคคลสาธารณะ ภาพปรากฏต่อสาธารณชนทั่วไป ควรเป็นภาพที่สวมใส่หน้ากากเพื่อแบบอย่างในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด และต้องการร่วมมือจากประชาชนในการดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นในขณะนี้ด้วย
กรณีเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้สวมหน้ากาก เพราะเด็กยังไม่รู้วิธีที่จะถอดหน้ากากออกและอาจขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ จึงเข้าข่ายอนุโลมไม่ต้องสวมหน้ากาก แต่ให้หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปในสถานที่แออัด หรือพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด
อ้างอิงจาก