‘จาตุรนต์’ ซัด ‘ประยุทธ์’ ผูดขาดวัคซีน ถือเป็นความผิดร้ายแรง
จาตุรนต์ โพสต์ข้อความวิจารณ์ ประยุทธ์ ชี้ว่า ผูกขาดวัคซีน ถือเป็นความผิดร้ายแรง ถามถ้านายกฯไม่กล้าฉีด แล้วเมื่อไหร่ ปชช. จะได้ฉีด
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังจากที่นายกฯประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาออกไป หลังจากที่หลายประเทศในยุโรปได้สั่งระงับการฉีดวัคซีนออกไปเป็นการชั่วคราว จากลิ่มเลือดอุดตัน
โดยอดีตรองนายกฯ ตั้งคำถามว่า ถึงวันนี้นายกฯยังไม่ฉีด แล้วเมื่อไหร่คนไทยจะได้ฉีด? พร้อมระบุว่า “ ผูกขาดวัคซีน” ความผิดพลาดร้ายแรงที่ต้องรีบทบทวน
ซึ่งข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “การที่พลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีอีกหลายคนต้องยกเลิกการฉีดวัคซีนในวันนี้แสดงให้เห็นปัญหาความผิดของนโยบายและแผนของรัฐบาลในการฉีดวัคซีนอย่างไม่อาจปฏิเสธแก้ตัวได้อีกต่อไป รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายที่ผิดพลาดนี้โดยด่วนที่สุด
ตอนที่มีการฉีดวัคซีนโชว์เป็นเข็มแรก นายกฯไม่ได้ฉีดเพราะ Sinovac ไม่ใช้สำหรับผู้ที่อายุเกิน 60 ขณะนั้น วัคซีน AstraZeneca เพิ่งมาถึงไทย แต่ยังใช้ไม่ได้ ในขณะนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันในหลายประเทศในยุโรปว่าวัคซีน ของบริษัทนี้ควรใช้กับผู้ที่ อายุเกิน 65 ปีหรือไม่
ต่อมาบางประเทศก็เปลี่ยนท่าทีเป็นยอมรับการใช้วัคซีน AstraZeneca กับผู้ที่อายุมากได้
แต่ล่าสุดบางประเทศในยุโรปชะลอการใช้วัคซีน AstraZeneca เนื่องจากสงสัยว่าใช้แล้วอาจมีผลต่อการเกิดลิ่มเลือด บางประเทศก็ไม่เห็นด้วยและผู้เชี่ยวชาญของบริษัทก็อธิบายถึงการค้นคว้าวิจัยยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างการใช้วัคซีนกับการเกิดลิ่มเลือด แต่บางประเทศก็ยังสงสัยและต้องการดูเรื่องอย่างระมัดระวัง
นี่คงเป็นสาเหตุที่นายกฯและรัฐมนตรีหลายๆคนยกเลิกการฉีดวัคซีนในวันนี้ จะเห็นได้ว่ามีความไม่แน่นอนในการใช้วัคซีนจากบริษัทต่างๆได้ในลักษณะต่างๆกัน ปัญหาของประเทศไทยจึงอยู่ที่การไปผูกขาดการใช้วัคซีนไว้กับบริษัทเดียว (จะใช้ของ Sinovac บ้างเล็กน้อยก็เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า) ความเสี่ยงจึงสูงมาก
นโยบายใช้วัคซีนแบบผูกขาดรายเดียวแบบนี้จึงเป็นนโยบายที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ที่ผิดพลาดไม่น้อยกว่ากันก็คือการฉีดวัคซีนช้าและไม่ครอบคลุมประชากรให้มากพอ หากไม่ทบทวนเปลี่ยนนโยบายและแผนเสียใหม่ จะเป็นความเดือดร้อนเสียหายมหาศาลสำหรับประชาชนทั้งประเทศ ความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดรอบที่สามจะยังมีอยู่และการฟื้นเศรษฐกิจจะล่าช้าไปอีกเป็นปีๆ”