แก้วเปล่า 1 ใบ กับเค้กช็อกโกแลต
แก้วเปล่า 1 ใบ กับเค้กช็อกโกแลต A story from Kaijeaw’s Table with a glass, double choco chiffon and banoffee.
สวัสดี…ทำไมคนเราต้องขึ้นต้นประโยคแรกของการสนทนา หรือเริ่มต้นที่จะเขียนอะไรสักอย่างด้วยคำนี้กันนะ ไม่เว้นแม้แต่ไอโฟนเวลามีอัพเดตใหม่ทีไร ก็จะมีคำว่า “สวัสดี” ขึ้นมาทุกครั้งเวลารีสตาร์ทเครื่องเสร็จ แล้วถ้าเราไม่อยากใช้คำนี้แล้ว เราควรจะทักทายกันว่าอะไรดีนะ
สวัสดีอีกครั้ง นี่เราเอง แมตตี้ เรียกเราว่า แมต เฉย ๆ ก็ได้นะ อันที่จริงแล้วแม่เราจะตั้งว่า แมท ที่แปลว่าคณิตศาสตร์ แต่พ่อเราอยากได้ชื่อ ติอาโก้ เพราะเขามีเพื่อนแม็กซิกันเยอะ ก็อยากได้ชื่อที่มันออกไปทางละตินนิดหน่อย สุดท้ายก็กลายเป็นแมตตี้เฉยเลย
วันนี้คุณครูให้เราออกมาพูดเรื่อง “Myself” หน้าห้องเรียน เราก็เลยคิดหนักมากว่าจะพูดเรื่องอะไรดี เห็นเพื่อนคนอื่นก็เล่าเรื่องของตัวเองได้น่าสนุกทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการได้ไปเที่ยวกับครอบครัวช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา หรือไม่ก็ความฝันในอนาคต ความฝันเหรอ…เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยากเป็นอะไร เรารู้สึกว่างเปล่าข้างใน ไม่มีจุดหมายในตอนนี้ แต่ไม่ต้องกลัวเราฆ่าตัวตายหรอกนะ เราไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าซะหน่อย อย่างน้อยหมอก็เป็นคนบอกเราเอง
เรามองตัวเองว่าเป็นแก้วเปล่า ใช่ แก้วเปล่าที่ไม่มีน้ำข้างในนั่นแหละ มันดูว่างเปล่า ดูอ้างว้างและโดดเดี่ยว นายคงจะคิดว่าเราจะจบประโยคเท่ ๆ อย่างการรอน้ำมาเติมเต็ม หรือพร้อมรับสิ่งใหม่ ๆ เสมอใช่ไหมละ ไม่ต้องเดาหรอกนะ เราจะไม่ไปเวย์นั้นหรอก เราแค่ไม่อยากให้มีอะไรมายุ่งกับแก้วใบนี้ เราอยากให้แก้วใบนี้ตั้งอยู่เฉย ๆ ในห้องอุณหภูมิ 26 องศา โดยที่ไม่มีอะไรมากระทบ เพราะเรากลัว เรากลัวว่ามันจะร้าว หรือตกจากโต๊ะแล้วแตกกระจาย
แก้วใบนั้นมันก็ตั้งอยู่ที่เดิม จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนกระทั่งวันหนึ่ง ก็มีเค้กช็อกโกแลตมาตั้งอยู่ข้าง ๆ ห่างประมาณ 10 กว่าเซ็นเท่านั้นแหละ มันทำให้แก้วอยากจะหลุดจาก Comfort Zone ของตัวเอง และหลุดไปไกลกว่าที่คนอื่นอยากให้มันเป็น วันนี้แก้วใบนั้นอยากให้มีอะไรมาเติมเต็มเหลือเกิน แต่คงไม่ใช่น้ำแบบที่แก้วอื่น ๆ ยอมให้เทใส่หรอกนะ เพราะแก้วใบนี้มันอยากให้เค้กช็อกโกแลตสุดหรู ราคาแพง ข้าง ๆ มาอยู่ข้างในมากกว่า
คำถามคือ มันไม่ใช่ของเหลวนะ ถ้าใส่มาแล้วจะกินยังไง แก้วเปล่าจึงพยายามทุกวิถีทางให้ตัวมันและเค้กได้มาอยู่ด้วยกัน และเป็นคู่ที่เหมาะสมจนใคร ๆ ต้องอิจฉา อยากรู้แล้วใช่ไหมว่ามันทำอะไรบ้าง เราจะมาเล่าให้พวกนายฟังเอง
วิธีที่หนึ่งคือการใส่เค้กลงไปตรง ๆ เลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อเค้กมันกระทบกับก้นแก้วแล้ว เค้กมันเละ เสียรูปร่างจนดูไม่เหมือนเค้กอีกต่อไป เหมือนเป็นก้อนอะไรสักอย่าง แม้รสชาติมันจะยังคงเป็นเค้กก็เหอะ
เมื่อวิธีนี้ไม่เวิร์ค เรามูฟออนมาข้อต่อไปเลย วิธีนี้เราจะวางเค้กไว้บนแก้วอย่างแผ่วเบา เพอร์เฟ็ค! เค้กไม่เละ และรสชาติก็เหมือนเดิม แต่อย่าลืมนะว่าเค้กต้องลงไปในแก้ว นั่นเท่ากับว่าวิธีนี้ก็ไม่ได้ผล เพราะยังไม่ได้ลงไปซะหน่อย
ไม่เป็นไร เราต้องไม่จมอยู่กับความล้มเหลว เรามาเดินหน้าต่อดีกว่า วิธีนี้ต้องได้ผลแน่ เมื่อแก้วคิดได้ดังนั้น มันก็กลั้นหายใจนับ 1 2 3 แล้วกระโดดจากโต๊ะลงสู่พื้น ทันทีที่กระทบกับกระเบื้องสีเทาอ่อน เศษแก้วก็กระจัดกระจายไปเต็มห้อง พร้อมกับน้ำตาแห่งความสุข เพราะขณะนี้แก้วใบนั้นมันกลายเป็นวัตถุรูปร่างแบนเหมือนจานแล้ว แม้จะมีรอยแหว่งจากการกระแทกไปบ้าง แต่เค้กช็อกโกแลตก็วางอยู่บนแก้วที่ไม่สมประกอบนี้ได้พอดิบพอดี นายคิดว่าเรื่องนี้มันจบแบบแฮปปี้ เอนดิ้งหรือเปล่า?
ไม่ใช่หรอก เพราะแม้ว่าจะมีภาชนะ มีเค้ก แต่เราไม่มีช้อน ส้อม ซะหน่อย แล้วเราจะกินเค้กได้ยังไงล่ะ ถูกไหม? อะไรนะ นายบอกว่าให้หยิบเศษแก้วที่แตกไปแล้วมาทำเป็นช้อนเหรอ ไอเดียดีนี่ แต่ถ้ามันบาดปากล่ะ จะทำยังไง เราขอบคุณนะที่นายพยายามจะช่วยแก้วใบนี้ให้สมหวัง แต่หากมันคิดสักนิด ยอมยืนอยู่ที่เดิม โดยไม่ขยับไปไหน ไม่ต้องแสวงหาความสุขที่แตกต่าง ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง มันก็อาจจะเป็นแก้วที่สมบูรณ์แบบเหมือนเดิมก็ได้ แม้ว่าจะไม่มีน้ำ แต่มันก็ยังคงเป็นแก้ว ไม่ใช่เศษอะไรก็ไม่รู้อย่างตอนนี้ ตอนนั้นมันอาจจะหลง และก็คงลืมไปว่าใครมันจะกินเค้กจากแก้วกันล่ะ จริงไหม?