สาธารณสุข เผยมีแนวโน้ม เปิดประเทศ รับ นักท่องเที่ยว ความเสี่ยงต่ำ
กระทรวง สาธารณสุข ได้เปิดเผยว่า ประเทศไทย มีแนวโน้มมากขึ้นในการ เปิดประเทศ ตอนรับบรรดา นักท่องเที่ยว จากประเทศที่มี ความเสี่ยงต่ำ โดยให้การกักตัว 10 วันก่อนเข้าประเทศอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ได้รายงานว่า นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวง สาธารณสุข ได้กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรค Covid-19 ทั่วโลกนั้น แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ หากมีการจัดลำดับความเสี่ยง ก็จะทำให้สามารถ เปิดประเทศ รับ นักท่องเที่ยว จากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มี ความเสี่ยงต่ำ
จึงมีการจัดทำข้อเสนอเชิงนดยบายในการพิจารณาลดวันกักตัวนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีอัตราการป่วยน้อยกว่า เทียบเท่า หรือมากกว่าไทยเพียงเล็กน้อย ซึ่งนับโดยรวมว่าเป็นกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำที่ค่อนข้างปลอดภัย จากการกักตัวโดยมาตรฐาน 14 วันให้เหลือเพียงแค่ 10 วัน
เนื่องจากมีการศึกษาตัวอย่างในหลายประเทศพบว่า การกักตัวในระยะเวลาทั้ง 14 วันและ 10 วันนั้นไม่ได้มีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเท่าไหร่ อีกทั้งประเทศไทยเองก็มีการพบผู้ติดเชื้อเพียงแค่ 1 ราย ภายหลังจากการกักตัว 10 วัน และจากการเก็บข้อมูลมาตลอด 10 เดือน
ทั้งนี้นั้น จากการคาดการณ์ความเสี่ยงในการพบผู้ติดเชื้อจากกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำ หากมีการกักตัวเพียงแค่ 10 วัน ในเฉพาะกรณีนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น ที่คาดว่าจะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 10 ล้านคน โอกาสที่คิดว่าจะพบอยู่ที่ 2 คนต่อสัปดาห์ ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับศักยภาพทางการแพทย์ของไทย
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวล่าสุดพบว่าคนไทยเริ่มมีการหย่อยการสวมใส่หน้ากากอนามัยลงเหลือ 70% จาก 90% ทั้งนี้จะมีการเสนอให้มีการทดลองให้มีการดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวเป็นระยะเวลา 3 เดือน
หากพบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มจะยกเลิกการดำเนินการ และถ้าหากเป็นไปตามคาดจะมีการพิจารณาเพิ่มเติม ขยายกลุ่มเป้าหมาย หรืออาจจะลดวันกักตัวเพิ่มจากเดิม ไปเรื่อยจนเหลือ 0 วัน ตามแต่สถานการณ์
ด้าน นพ. โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มีการเตรียมรองรับการเปิดประเทศ ไม่เพียงแค่เคร่งในระบบเดิมเท่านั้น แต่ทางกรมควบคุมโรค จะมีการปรับเพิ่มความเข้มแข็งของคณะกรรมการระดับจังหวัดมากขึ้น เพิ่มทีมสอบสวนโรคจาก 1,000 ทีมขึ้นไปอีก 3 เท่า ภายในเดือนธันวาคมนี้ และรบบตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่ : https://covid-19.kapook.com/view233646.html