ผู้การยัน ยังไม่ออกหมายจับ ‘เพนกวิน’ หลังช่างตัดผมแชร์ใบแจ้งความ ม.112
สภ.เมืองเลย ชี้แจง กรณี นายสุขสันต์ เวียงจันทร์ แจ้งความดำเนินคดีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ในความผิด ม.112 ก่อนจะแชร์บันทึกประจำวันลงโซเชียลจนผู้คนแตกตื่นฮือฮา ล่าสุด ผบก.ภ.จว.เลย เปิดเผยว่า ที่นายสุขสันต์มาแจ้งความนั้น ยังไม่ได้ออกหมายจับหรือดำเนินคดี ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน แต่ขณะมาแจ้งความ ผู้แจ้งพูดจาเชิงบังคับทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรับเรื่องไว้
ค่ำวานนี้ ตำรวจ สภ.เมืองเลย แถลงข่าวกรณีการแชร์ข่าวในโลกโซเชียลว่า นายสุขสันต์ เวียงจันทร์ อายุ 59 ปี ช่างตัดผมใน จ.เลย เข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ ในความผิดตามมาตรา 112 หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พร้อมมีการออกหมายจับ และมีการแชร์บันทึกประจำวันลงในโลกโซเชียลนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขณะนี้เรื่องทั้งหมดยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน
ผบก.ภ.จว.เลย เปิดเผยว่า มีผู้แจ้งมาแจ้งความในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม โดยระบุว่ามีคนก้าวล่วงสถาบัน ทางพนักงานสอบสวนพยายามชี้แจงขั้นตอนของการแจ้งความ ขั้นตอนในการสอบสวนของคดี ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ผู้แจ้งได้แสดงกิริยาในเชิงกดดัน บอกพนักงานสอบสวนว่า ต้องรับแจ้งความเขา ในเรื่องที่เขามาแจ้ง
ดังนั้น พนักงานสอบสวนจึงได้สอบถามถึงพยานหลักฐานที่เขามีอยู่ แต่ผู้แจ้งบอกว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจ ต้องไปแสวงหาหลักฐานเอง แต่ในวันนี้ต้องรับแจ้งเขาให้ได้ ถ้าไม่รับแจ้งก็จะเป็นเรื่องเป็นราว พนักงานสอบสวนจึงได้รับแจ้งไว้ก่อนทำการสอบสวน
ทั้งนี้ การสอบสวนนั้นยังไม่มีการรับเป็นเลขคดี เนื่องจากว่าต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดว่าการกระทำดังกล่าว มีการกระทำเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีการกระทำเกิดขึ้น มันเป็นขั้นตอนที่ทางพนักงานสอบสวน จะต้องไปรวบรวมพยานหลักฐาน และรายงานผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน ซึ่งคดีอย่างนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้วางการสอบสวน ขั้นตอนในการสอบสวนไว้แล้ว
อย่างไรในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้มีการรับแจ้งไว้สอบสวน สรุปรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาประกอบและเสนอผู้บังคับบัญชา ปรากฏว่า ผู้แจ้งแทนที่แจ้งความแล้วจะช่วยพนักงานสอบสวน แสวงหาพยานหลักฐาน แต่กลับเอาเอกสารไปเผยแพร่ จนเกิดความสับสนในสังคม ว่าแจ้งความแล้วจะต้องมีการออกหมายจับ ทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างถึง ตกใจและเกิดความกังวล ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้ง และทำการสอบสวนเท่านั้นเอง ว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจริงหรือไม่
“ถ้ามีการกระทำเกิดขึ้นจริง เป็นความผิดอาญาหรือไม่ ซึ่งมีหลายขั้นตอน ในการสอบสวน ซึ่งยังไม่มีการออกหมายจับ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้มาแจ้งความพนักงานสอบสวนก็ต้องรับแจ้ง มีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างชัดเจน ซึ่งผู้แจ้งได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ซึ่งทางผู้แจ้งไม่ได้เห็นกับตัวเอง แต่คิดว่าน่าจะกระทบถึงได้มาแจ้งความ ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานและยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือออกหมายจับแต่อย่างไร”
ที่มา ไทยรัฐ