สำนักงานอัยการสูงสุด แถลง ผลการตรวจสอบ คดี บอส อยู่วิทยา
สำนักงานอัยการสูงสุดแถลงผลการตรวจสอบของคณะทำงาน พบ นายเนตร นาคสุข รองอัยการที่สั่งไม่ฟ้องคดีบอส อยู่วิทยา ทำตามระเบียบถูกต้องและตามหลักฐานที่มีแล้ว ส่วนเรื่องความเร็วรถ ดร.สธน พยานสำคัญเผย จากการคำนวณด้วยหลักฐานในที่เกิดเหตุ รถแล่นด้วยความเร็ว 170 กม./ชม. ซึ่งเป็นหลักฐานใหม่ ไม่เคยพบในสำนวน พร้อมผลตรวจเลือดแล้วเจอโคเคน ก็ไม่ได้ดำเนินคดี คณะทำงานจึงเสนอให้ฟ้อง คดีโคเคน และขับรถโดยประมาท
จากกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง เป็นเหตุให้ตำรวจถอนหมายจับ บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม
ล่าสุด สำนักงานอัยการสูงสุดได้แถลงข่าวผลพิจารณาของคณะทำงานกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ สน.ทองหล่อเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด
โดยการแถลงข่าวในครั้งนี้ มีผู้ร่วมชี้แจงกรณีต่าง ๆ ดังนี้
- นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี
- นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา
- นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา
- น.ส.เสฏฐา เธียรพิลากุล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด
- นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
ในส่วนของประเด็นที่สำนักงานอัยการสูงสุดแถลงข่าวชี้แจงสามารถสรุปได้เป็น 3 ประเด็น คือ
- การพิจารณาดุลยพินิจของอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้องคดีนายวรุยุทธอยู่วิทยา
- หลักฐานเรื่องความเร็วของรถที่เกิดอุบัติเหตุ
- ผลการตรวจเลือดของนายวรยุทธ อยู่วิทยา
การพิจารณาดุลยพินิจของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดที่พิจารณาไม่สั่งฟ้องคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุดทุกประการ
โดยตรวจสอบแล้วว่าการพิจารณาคดีของนายเนตร นาคสุข เป็นไปตามหลักฐานที่พนักงานได้สอบสวนและสอบสวนเพิ่มเติมซึ่งปรากฏอยู่ในสำนวน ไม่ได้นำพยานหลักฐานนอกสำนวนหรือที่ไม่ได้ปรากฏในสำนวนการสอบสวนมาสั่งคดี หรือเป็นการใช้ดุลพินิจสั่งคดีไปตามอำเภอใจ
รวมถึงมีเหตุผลประกอบตามสมควรและภายหลังที่มีคำสั่งไม่ฟ้องแล้ว ได้มีการเสนอสำนวนให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อพิจารณาอันเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลการสั่งคดีของพนักงานอัยการ ซึ่งต่อมาผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีความเห็นไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว คณะทำงานเห็นว่าการสั่งคดีของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้คดีนี้จะมีคำสั่งเสร็จเด็ดขาดไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้ว แต่คณะทำงานตรวจพบว่า คดียังไม่ถึงที่สุด กล่าวคือ เมื่อมีพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้ ก็สามารถสอบสวนต่อไปได้
หลักฐานเรื่องความเร็วของรถที่เกิดอุบัติเหตุที่ไม่ได้ปรากฏในสำนวนมาก่อน พร้อมพยานปากสำคัญ
ในกรณีคดีขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีการพิจารณาไม่ฟ้องคดีดังกล่าวและถอนหมายจับแล้ว แต่เนื่องจากปรากฏหลักฐานพยานที่ไม่ได้มีในสำนวนมาก่อนคือ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
ดร.สธน ได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ขณะเกิดเหตุ ดร.สธน ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการให้กับกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเกิดเหตุคดีนี้ได้รับการประสานงานจาก พ.ต.ท.ธนสิทธิ แตงจั่น ให้ไปร่วมตรวจที่เกิดเหตุ และดูกล้องวงจรปิด วัตถุพยาน ที่บันทึกภาพรถของผู้ต้องหาที่ 1 พร้อมกับคิดคำนวณความเร็วของรถที่แล่นไปขณะเกิดเหตุ
โดย ดร.สธนฯ ได้ทำรายงานการคิดคำนวณส่งให้กับกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อใช้ประกอบคดีโดยยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุรถของผู้ต้องหาที่ 1 แล่นไปด้วยความเร็วประมาณ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน
ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นจ้อมูลใหม่ที่สามารถนำไปพิจารณาสอบสวนคดีใหม่ได้
การเสนอให้ดำเนินคดีเนื่องจากผลการตรวจเลือดของนายวรยุทธ อยู่วิทยา เจอสารโคเคน ซึ่งเป็นสารเสพติด
คณะทำงานตรวจพบในสำนวนสอบสวนมีการตรวจเลือดของนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 ในวันเกิดเหตุ และพบสารประเภท Cocaine (โคเคน) ในเลือด แต่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 Cocaine (โคเคน)
นอกจากนี้ยังพบสารที่น่าสนใจ 2 ตัว ซึ่งได้เจาะตรวจไปพร้อมกับการหาสารโคเคนในร่างกาย ตัวหนึ่งคือ เบนซอยเรกโคนีน ที่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าไม่ใช่ยาเสพติด แต่เป็นปฏิกิริยาที่จะพบในร่างกายเมื่อร่างกายมีปฏิกิริยาจากโคเคน ซึ่งจะเกิดหลังได้รับโคเคน
สารอีกตัว คือ โคคาเอสทาลีน จะพบสารนี้ถ้าเสพโคเคนพร้อมแอลกอฮอล์ หากเป็นโคเคน ที่เป็นยาเสพติดประเภท 2
อย่างไรก็ตาม สาร 2 ตัวนี้ไม่ใช่ยาเสพติด ส่วนจะสามารถยืนยันได้หรือไม่ว่ามีการเสพโคเคนนั้น หมอชี้แจงว่า ยืนยัน 100% ไม่ได้ เพราะอาจเกิดผลบวกลวง หากตรวจไม่ถูกต้อง หรือบางกรณีอย่างเสพสารบางประเภท เช่น แอมมอกซี่ ก็สามารถให้ผลเช่นนั้นได้ โดยขณะนั้นมีทันตแพทย์ยืนยันว่าก่อนเจาะเลือดได้ให้แอมมอกซี่ ระหว่างรักษาฟัน จึงทำให้เจ้าของสำนวนไม่ได้ดำเนินคดีเรื่องสารเสพติด แต่พนักงานอัยการไม่เห็นด้วยและเสนอว่า ให้มีการตรวจสอบต่อไป
สรุปแล้ว การแถลงข่าวของสำนักงานอัยการสูงสุดในครั้งนี้ ยืนยันว่าการพิจารณาคดีของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้องคดีของนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของสำนักงานอัยการทุกประการ ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีจากหลักฐานที่มีอยู่ในสำนวนสอบสวนทั้งหมด
ส่วนการเจอหลักฐานใหม่เรื่องความเร็วของรถที่ขับมาตอนเกิดอุบัติเหตุ และผลการตรวจเลือดที่เจอสารโคเคนในร่างกายนั้น คณะทำงานเสนอให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีเหล่านี้ต่อไป