ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินถึง 31 ส.ค.
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เรื่อง ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึง 31 ส.ค. ความว่า
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2653 และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ 3 ออกไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 นั้น
โดยที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้สถานที่ กิจการและกิจกรรมต่างๆ สามารถเปิดดำเนินการได้มาเป็นลำดับ โดยคงเฉพาะมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 รวมทั้งส่งเสริมและรณรงค์ให้ประชาชนปรับรูปแบบการดำเนินชีวิตตามแนววิถี “นิวนอร์มัล” แต่ประชาชนจำนวนมากละเลยการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค มีการรวมกลุ่มกันโดยไม่รักษาระยะห่าง (social distancing) อันเป็นมาตรการอันเป็นท่ียอมรับทั่วโลกว่าได้ผลในการป้องกันโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่สาธารณะ สถานบริการ และสถานบันเทิง ซึ่งอาจมีความเสี่ยงท่ีจะเกิดการระบาดและติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนที่สามารถพัฒนาเป็นการระบาดในวงกว้างต่อไป
นอกจากนี้ ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างชาติยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีข้อมูลว่าในเดือนสิงหาคมนี้ จะมีคนไทยแสดงความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยไว้ต่อทางราชการเป็นจำนวนนับหมื่นคน อีกท้ังคนต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งแจ้งว่ามีความจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้การปฏิบัติตามพันธกรณี และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาเพื่อความต่อเนื่องในการประกอบธุรกิจ การค้าพาณิชย์ แรงงาน หรือการศึกษา
ดังนั้น เพื่อปกป้องความมั่นคงปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขของประเทศ และป้องกันมิให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ที่อาจมีความรุนแรงและสร้างความเสียหายให้แก่ระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศดังที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก จึงมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ท่ัวราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง โดยลดข้อจำกัดการดำเนินการต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของประชาชน แต่เน้นการบูรณาการความรับผิดชอบและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายนอกเหนือไปจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวเป็นไปโดยมีเอกภาพ มีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันต่อสถานการณ์ มุ่งรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในด้านสุขภาพและชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 จึงให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563 จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563