แจง โคเคนในตัว ‘บอส อยู่วิทยา’ รักษาฟัน หมอแย้ง เลิกใช้โคเคน 100 ปีแล้ว
ตำรวจตรวจสอบแล้ว เอาผิด “บอส อยู่วิทยา” ข้อหาเมาแล้วขับไม่ได้ เพราะไม่ได้ตรวจทันที ส่วนเรื่องความเร็วยังต้องตรวจสอบอีกครั้ง พร้อมเรียกสอบพยานเพิ่มตามคำสั่งศาล แจง โคเคนในร่างกายบอสเป็นโคเคนเพื่อรักษาฟัน ด้านหมอฟันออกมาโต้ เลิกใช้โคเคนทำฟันตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้ว ยัน ยาชาปัจจุบันแค่โครงสร้างคล้ายโคเคน แต่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน
โคเคนรักษาฟัน – จากกรณีคดีของ บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส กระทิงแดง ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 และในเดือน ก.ค. 2563 ทาง สตช.แถลงว่า มีคำสั่งจากอัยการสูงสูงไม่สั่งฟ้องคดีนี้ ส่งผลให้ตำรวจถอนหมายจับทุกคดีของบอส อยู่วิทยา จนกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งค้านสายตาประชาชนอย่างมาก จึงมีการขอให้รื้อคดีมาสอบสวนใหม่ รวมถึงตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายของบอส อยู่วิทยา
ล่าสุด คณะกรรมาธิการตำรวจออกมาชี้แจงถึงกรณีไม่สามารถเอาผิดนายวรยุทธ ข้อหาเมาแล้วขับได้ เนื่องจากการตรวจวัดริมาณแอลกอฮอล์ต้องตรวจทันทีหลังเกิดเหตุ แต่กรณีของนายวรยุทธไม่สามารถตรวจได้ทันทีเพราะผู้ต้องหาขับรถหนีกลับบ้าน ตำรวจทำได้เพียงล้อมบ้านเอาไว้ กว่าจะได้หมายศาลและขอตรวจวัดก็ผ่านไป 10 ชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่เกิดเหตุ
ส่วนการพบแอลกอฮอล์ในร่างกายนายวรยุทธ 60 มิลลิกรัมหลังเกิดเหตุ 10 ชั่วโมง เป็นการดื่มหลังเกิดเหตุเนื่องจากเครียด แต่ไม่ได้ดื่มก่อนเกิดเหตุ ทั้งนี้ กมธ. ยังติดใจเรื่องใน 10 ชั่วโมงนั้น ผู้ต้องหากินอะไรเพื่อลดปริมาณแอลกอฮอล์หรือไม่
ด้านประเด็นเรื่องความเร็วของรถยนต์นั้น มีการตรวจสอบจาก 3 หน่วย พบว่ามีข้อมูลที่ต่างกันทัั้งความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. และความเร็วเกิน 80 กม./ชม. แต่มี 2 หน่วยงานยอมรับว่าน่าจะคำราณพลาดเพราะไม่ได้หักลบค่าเลนส์กล้อง
ในส่วนของพยานที่เรียกมาสอบปากคำเพิ่มนั้น คนที่หนึ่งคือ นายจารุชาติ มาดทอง เป็นพยานในสำนวนแต่แรกและยืนยันว่านายวรยุทธขับรถไม่เร็ว ส่วนอีกคนคือ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร เป็นพยานที่ผู้ต้องหาขอให้ตำรวจไปสอบปากคำเพิ่มแต่ตำรวจบอกว่าทำสำนวนเสร็จแล้ว ต้องร้องขอจากอัยการ ภายหลังอัยการจึงมีคำสั่งให้สอบพยานเพิ่มเติม
นอกจากนี้นี้ยังมีประเด็นที่ได้รับความสนใจคือการพบสารเสพติดโดเคนในร่างกายของนายวรยุทธ โดยทางตำรวจยืนยันว่าตรวจสอบแล้วและเป็นสารโคเคนในการทำทันตกรรม จึงไม่สั่งฟ้องเรื่องสารเสพติด
หลังทางตำรวจชี้แจงว่าเป็นการใช้โคเคนในทางทันตกรรม ล่าสุด หมอฟันจากหลากหลายแหล่งได้ออกมาตอบโต้เรื่องนี้เนื่องจาก ในวงการทันตกรรมนั้นเคยใช้โคเคนแทนยาชาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และปัจจุบันเลิกใช้ไปกว่าร้อยปีแล้ว
ความเห็นจากเพจ ห้องทำฟันหมายเลข 10 บอกว่า ปัจจุบันเลิอกใช้โคเคนในการทันตกรรมแล้วและมีการคิดค้นยาที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายโคเคนขึ้นมาใช้แทน
“เรื่องนี้จะไม่แปลกถ้าเป็นเมื่อ ศตวรรษที่ 18 !!! หมอฟันคนนั้นต้องนั่งไทม์แมชชีนมาแน่นอน
หนึ่งในยาที่ใช้มากที่สุดในทางทันตกรรม คือ ยาชา โดยยาชาตัวแรกที่นำมาใช้ทางการแพทย์คือโคเคน (cocaine) ในปี ค.ศ. 1859 (150 ปีมาแล้ว!!!) แต่ด้วยข้อเสียของโคเคนที่มีระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้น และมีฤทธิ์เสพติด จึงมีการพัฒนายาที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายโคเคน ชื่อ Procaine ขึ้นในปีค.ศ. 1904
แต่ในปีค.ศ. 1948 มีการนำยาชาที่มีสูตรโครงสร้างต่างไปจาก cocaine และ procaine ได้แก่ lidocaine และมียาชาที่พัฒนาต่อเนื่องตามมาได้แก่ mepivacaine (ค.ศ. 1965) prilocaine (ค.ศ. 1983; ยาชนิดนี้ไม่มีใช้ในประเทศไทย) และ articaine (ค.ศ. 2000)
โดยยาชาทั้งสามกลุ่มนี้มีสูตรโครงสร้างคนละแบบกับโคเคน รวมทั้งกระบวนการขับยาออกจากร่างกายก็ได้สารเคมีคนละกลุ่มกับโคเคน”
https://www.facebook.com/Dentalno.10/photos/a.768307723224117/3069400443114822/?type=3&theater
และความเห็นจากเพจ ใกล้หมอฟัน ก็ยืนยันในทิศทางเดียวกันที่ว่าปัจจุบันหมอฟันไม่ใช้โคเคนในการรักษาคนไข้แล้ว
“การรักษาทางทันตกรรมปัจจุบันเราไม่ใช้โคเคนแล้วครับ
มีการใช้โคเคนเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เพื่อใช้ระงับอาการปวดจากการทำฟันตัวแรกๆ แต่โคเคนได้เสื่อมความนิยมลงเพราะขนาดที่ใช้รักษาใกล้เคียงกับขนาดที่เป็นพิษและฤทธิ์เสพติด ซี่งไม่มีการใช้แล้วในปัจจุบันสำหรับใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ในงานทันตกรรม
การรักษาทางทันตกรรมโดยเฉพาะการใช้ยาชาเฉพาะที่ ในปัจจุบัน จะใช้สารที่พัฒนาจากโคเคน ที่มีความปลอดภัย หรือมีพิษน้อยกว่า เช่น ลิโดเคน เมพิวาเคน อะทิเคน ซึ่งยาชาที่เราฉีด จะไม่ฉีดเข้าเส้นเลือด แต่จะฉีดเพื่อให้ยาซึมซับระงับอาการเจ็บปวดบริเวณฟัน หรือเส้นประสาทตรงบริเวณนั้น”
https://www.facebook.com/klaimorfun/photos/a.265976816786721/3369329516451420/?type=3&theater
ทางด้าน รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ “อาจารย์อ๊อด” อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็เป็นอีกเสียงที่ชี้ชัดว่ายาในการรักษาฟัน ไม่ใช่โคเคน พร้อมอัดคลิปอธิบาย
https://www.facebook.com/phutdhawong/videos/3186686191421669/?__cft__[0]=AZXZpkETUOOcUxIWbWPl9tUIcwvIULDVrd2rb57-pm7kIt_v7Nsr-PgAqEuoqQCEbeXkdszN0zx-oT8cpNYhJcsDF-D8xom18s0JS7S5niM3cTKWEHYEDEqFRDP7HR-g_5Tnd459hw1fv5YxR7PeFsUC&__tn__=%2CO%2CP-R
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ไม่จบง่าย ๆ เนื่องจากประชาชนยังเคลือบแคลงใจถึงความโปร่งใสในกระบวนการตัดสินและต้องการให้รื้อคดีใหม่ แต่ทางตำรวจยืนยันว่าคดีสิ้นสุดแล้ว ทำได้เพียงฟ้องร้องใหม่ ซึ่ง ด.ต.วิเชียร มีภรรยา ไม่มีลูก และมีเพียวญาติพี่น้อง 5 คน ตอนแรกมีการตกลงค่าเยียวยา 6 ล้าน ต่อรองเหลือ 3 ล้าน
การสอบสวนที่เหลืออาจเป็นการไปสอบถามญาติผู้เสียชีวิตว่ามีการบังคับ ขู่เข็ญเรื่องค่าเยียวยาหรือไม่ และบอกช่องทางฟื้นคดี หากญาติผู้เสียชีวิตมีข้อมูลใหม่ก็สามารถฟ้องร้องได้
- ด่วน! พยานใหม่บอส อยู่วิทยา เสียชีวิตแล้ว
- จดหมายตระกูลอยู่วิทยา ขอโทษสังคม บอส อยู่วิทยาไม่เคยมาปรึกษาพี่น้อง
- อ.ปริญญาตั้งคำถามคดี บอส อยู่วิทยา ทำไมพยานเพิ่งโผล่มา อยู่ ๆ ดาบตำรวจวิเชียร กลายเป็นคนผิด