คืนเงินประกันไฟฟ้า 21 ล้านราย บรรเทาปัญหา COVID-19 ขอคืนเงินประกันไฟฟ้าได้สูงสุด 6,000 บาท
คืนเงินประกันไฟฟ้า 21 ล้านราย บรรเทาปัญหา COVID-19 ขอคืนเงินประกันไฟฟ้าได้สูงสุด 6,000 บาท
คืนเงินประกันไฟฟ้า – จากกรณีก่อนหน้านี้ที่ทางรัฐบาลมีโครงการแจกเงิน 2,000 บาท แก่ผู้มีรายได้น้อยเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาดไวรัสโคโรโน่า หรือ COVID-19 ต่อมามีกระแสต่อต้านวิจารณ์นโยบายดังกล่าวเป็นอย่างมากถึงความไม่คุ้มค่า รัฐบาลจึงมีแผนปรับเปลี่ยนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาพิษไวรัส COVID-19 ใหม่เป็น การคืนเงินประกันไฟฟ้า ตามที่ประชาชนเคยได้จ่ายเงินประกันไว้ตอนขอใช้ไฟฟ้า
เบื้องต้นคาดว่าจะคืนเงินประกันไฟฟ้า โควต้า 21 ล้าราย โดยใครจะได้คืนกี่บาทนั้นคิดตามอัตราดังนี้
- มิเตอร์ขนาด5(15) เงินประกันไฟฟ้า 300 บาท
- มิเตอร์ขนาด 15(45) เงินประกันไฟฟ้า 2,000 บาท
- มิเตอร์ขนาด 30(100) เงินประกันไฟฟ้า 4,000 บาท
- มิเตอร์ขนาด 15(45) เฟส 3 เงินประกันไฟฟ้า 6,000 บาท
ส่วนวิธีขอคืนเงินประกันไฟฟ้า ประชาชนสามารถขอคืนจาก กฟน. หรือ กฟภ. แล้วแต่ตอนที่ท่านยื่นเรื่องของไฟฟ้ามาใช้ โดย กฟภ. จะให้บริการทุกจังหวัดยกเว้น กทม นนทบุรี และสมุทรปราการ คาดว่าจะได้เงินคืนได้รอบบิลเดือนเมษายน
นอกจากนี้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ยังระบุถึง 4 มาตราการบรรเทาภาวะเศรษฐกิจ จากวิกฤติ #โควิด19 ของ #กระทรวงพลังงาน ที่จะเข้าประชุม ครม. เพื่อให้พิจารณาเห็นชอบวันนี้ (10 มี.ค.) ว่า
1. คืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าให้ผู้ใช้ ประมาณ 21 ล้านราย ซึ่งจะทำให้มีเงินกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเกือบ 3 หมื่นล้านบาท
2. ลดค่าไฟลงไปอีกประมาณ 20 สตางค์ จากราคาไฟฟ้าจากที่ควรจะเป็น (เหลือประมาณ 3.50 บาท/หน่วย) ไป 3 เดือน เมษายน ถึง มิถุนายน
3. ขยายเวลาการจ่ายค่าไฟฟ้าในรอบบิลเดือน เมษายน และพฤษภาคม ให้จ่ายช้าได้ถึง 6 เดือน กับ ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านพักที่อยู่อาศัย กิจการขนาดเล็ก และโรงแรม
4. ใช้เงินกองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประมาณ 4 พันล้านบาท ไปกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสู้ภัยแล้ง โดยจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รายงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แจ้งขั้นตอนการขอรับเงินประกันการใช้ไฟฟ้า โดยประชาชนผู้เป็นเจ้าของมิเตอร์สามารถเริ่มลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินคืนตามมาตรการช่วยเหลือผลกระทบจากโควิด-19 ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.เป็นต้นไป โดยผู้ยื่นเรื่องสามารถเดินทางไปลงทะเบียนที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถเดินทางไปลงทะเบียนที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งหากข้อมูลการลงทะเบียนถูกต้องและตรงกันกับข้อมูลที่การไฟฟ้ามีอยู่ จะได้รับเงินคืนตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะจ่ายครบจำนวนทั้งหมด 21.5 ล้านราย วงเงิน 30,000 ล้านบาท นอกจากนี้การไฟฟ้ายังได้เตรียมวางระบบการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นของการไฟฟ้าด้วย เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้น