เด็กหญิงวัย13ปีถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน แม่แท้ๆให้การสนับสนุน
เด็กหญิงวัย13ปีถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน แม่แท้ๆให้การสนับสนุน
มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้รายงานว่า “ปวีณา” ช่วยเหลือ “เด็กหญิงวัย 13 ปี” ตกเป็นทาสบำเรอกาม “พ่อเลี้ยง” มานานปีเศษ ตั้งแต่ อายุ 12 ปี โดยมี “แม่แท้ๆ” รู้เห็นเป็นใจสนับสนุนพ่อเลี้ยง หลอกให้เด็กกินยาเม็ดสีฟ้าจนเบลอก่อนลงมือ โดยอ้างเป็นยาบำรุงเลือด แถมถ่ายคลิป-ภาพขณะล่วงละเมิดทางเพศเก็บไว้ข่มขู่ห้ามบอกใคร ระยะหลังๆ เวลาพ่อข่มขืน แม่จะมานอนอยู่ข้างๆ เล่นมือถือไม่ช่วยเหลืออะไร สุดท้ายเด็กทนไม่ไหวถูกกระทำวันเว้นวัน นำเรื่องไปบอกครูช่วยตามป้ามารับตัว ก่อนพากันมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ติดตามคดีให้ถึงที่สุด และขอให้ช่วยน้องสาววัย 8 ขวบ ออกมาด้วย เกรงจะตกเป็นเหยื่อไปอีกคน ล่าสุดตำรวจสน.นิมิตรใหม่ ออกหมายจับทั้งแม่และพ่อเลี้ยง ก่อนจับกุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
วันพฤหัสบดีที่ 23 ม.ค.62 ที่สน.นิมิตรใหม่ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาพ่อและป้าของเด็กหญิงหนึ่ง อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ไปพบกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามคดี ซึ่งทางผู้เสียหายร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ ขอช่วยให้ความเป็นธรรม และขอให้ช่วยเด็กหญิงวัย 8 ขวบ น้องสาวของเด็กหญิงหนึ่งให้หลุดพ้นการความดูแลของแม่ เพราะกลัวว่าจะให้ไปบำเรอกามพ่อเลี้ยงอีกคน และหลังทราบข่าวตำรวจจับกุมตัวแม่แท้ๆ กับพ่อเลี้ยงแล้ว จะได้ขอรับตัวเด็กหญิง 8 ขวบ มาอยู่ในความดูแลของพ่อและป้าทันที
ภายหลังศาลอนุมัติหมายจับ ตำรวจได้จับกุมตัวแม่แท้ๆ กับพ่อเลี้ยงมาสอบสวนที่สน.นิมิตรใหม่ เบื้องต้นทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำตามที่เด็กหญิงหนึ่งให้การจริง ตำรวจจึงแจ้งข้อหากับพ่อเลี้ยง 1.กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี 2.กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ที่แยกเป็น 2 ข้อหา เนื่องจากช่วงเวลาที่ผู้ต้องหาก่อเหตุนั้นเป็นเวลาปีเศษ เด็กอยู่ในช่วงอายุ 12 ปี จึงถึง 13 ปีเศษ และ 3. ผู้กระทำผิดได้บันทึกภาพหรือเสียงการกระทำชำเราไว้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ส่วนแม่แท้ๆ ตำรวจแจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุน ผู้กระทำความผิดตามข้อหาข้างต้นซึ่งมีโทษ 2 ใน 3 ที่ผู้กระทำความผิดถูกตัดสินลงโทษ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนขยายกรณีที่เด็กให้การว่า พ่อเลี้ยงกับแม่บังคับให้กินยาเม็ดสีฟ้าจนรู้สึกเบลอและสะลึมสะลึมก่อนถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยตำรวจจะได้ไปค้นบ้านเพื่อหาหลักฐานและนำยาดังกล่าวส่งพิสูจน์ว่าเป็นยาชนิดใดก่อนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม:มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
ภาพจาก:มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี