ชายวัย 15 ติดเชื้อไวรัส พบเป็นโรคติดต่อจากการจูบ
ชายวัย 15 ติดเชื้อไวรัส พบเป็นโรคติดต่อจากการจูบ
ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อวันนี้ (22 มกราคม) นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช โพสต์เรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่ง ที่มีไข้ เป็นผื่น ซื้อยากินเองไม่ดีขึ้น ภายหลังพบว่าติดเชื้อไวรัสจากการจูบกับผู้อื่น
คุณหมอได้โพสต์ภาพ และข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Arak Wongworachat ว่า
#โรคโมโนนิวคลิโอซิส #โรคติดต่อจากการจูบ #ไข้เจ็บคอมีผื่นตามตัว ผู้ป่วยชาย อายุ 15 ปี มาด้วย 7 วันก่อนมีไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย เจ็บคอ เบื่ออาหาร เหงื่อออกตอนกลางคืน เหมือนคล้ายจะเป็นหวัด ซื้อยากินเองไม่ดีขึ้น
ไปหาหมอที่คลินิกแพทย์ตรวจร่างกาย ส่องในคอบอกว่ามีหนอง เป็นทอนซิลอักเสบ จึงให้ยาต้านเชื้อแบคทีเรียไปกิน วันต่อมามีผื่นขึ้นเต็มตัวตั้งแต่หน้า คอ หน้าอก หลัง จึงไปพบแพทย์อีกครั้งกังวลว่าแพ้ยา แพทย์ที่คลินิกเห็นว่าคนไข้อ่อนเพลียมากจึงส่งเข้าโรงพยาบาลสิชล รับคนไข้ตรวจเพิ่มเติมพบต่อมน้ำเหลืองโตที่คอ ม้ามโต ไม่ซีด ไม่เหลือง
ตรวจเม็ดเลือดพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูง12,800 cells/mm*3 มีlymphocyte50% monocyte5% atypical lymphocyte7% เข้าได้กับโรคโมโนนิวคลิโอซิส
โรคโมโนนิวคลิโอซิส เป็นโรคที่เรียกกันว่า โรคติดต่อจากการจูบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus: EBV) ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางน้ำลาย การไอ หรือการจาม ในเบื้องต้นผู้ป่วยจะมีไข้ เจ็บคอ และรู้สึกอ่อนเพลีย เมื่อเป็นแล้วมักจะค่อย ๆ หายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยโรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ แต่ส่วนมากเกิดในวัยเด็กไปจนถึงวัยรุ่น
วิธีป้องกันคือหลีกเลี่ยงการจูบกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ในร่างกาย ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร ไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น รวมถึงผ้าเช็ดหน้า หรือของใช้ส่วนตัวต่างๆ พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำลายหรือเสมหะของผู้อื่น ส่วนตัวผู้ป่วยเองก็พยายามหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อโรคไปยังผู้อื่นด้วยเช่นกัน