รังสิมันต์ โรมแจงยิบ หลังบิ๊กตู่ค้านเลิกเกณฑ์ทหาร
รังสิมันต์ โรมแจงยิบ หลังบิ๊กตู่ค้านเลิกเกณฑ์ทหาร
ยกเลิกเกณฑ์ทหาร – จากกรณีวานนี้ (28 พ.ย.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์ไม่เห็นด้วยกับ ร่างยกเลิกเกณฑ์ทหารของพรรคอนาคตใหม่ โดยมองว่าทหารเกณฑ์ยังมีความจำเป็นในการดูแลงานด้านความมั่นคง นั้น
ต่อมา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กต่อกรณีดังกล่าวว่า จากที่พลเอกประยุทธ์ให้สัมภาษณ์โจมตีการรณรงค์ของพรรคอนาคตใหม่ในประเด็นการยกเลิกการเกณฑ์ทหารนั้น ตนคิดว่ามีประเด็นปัญหาหลายประการที่อยากจะขอกล่าวถึงในโพสต์นี้
“ผมคิดว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้นำเสนอมุมมองที่แปลกใหม่และน่าขบคิดไปมากกว่าที่สังคมถกเถียงเลย เช่น การที่พลเอกประยุทธ์กล่าวถึงในทำนองว่า ถ้าไม่มีทหารเกณฑ์ เกิดอะไรขึ้นมาใครจะปกป้องประเทศ และยังกล่าวต่ออีกว่า การฝึกรบ ต้องใช้เวลาสองปี ไม่ใช่ 1 เดือนก็จะทำได้เลย แถมยังเบี่ยงประเด็นไปอีกว่า ทั้งการเรียนรักษาดินแดน การเกณฑ์ และการรับสมัคร ทั้งหมดนี้เป็นระบบที่มีความเป็นธรรมแล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เลย
ต้องขอกล่าวให้ชัด ๆ อีกหลาย ๆ ครั้ง เผื่อคนบางคนสายตาผิดเพี้ยน เลยอ่านไม่ได้ความ
พรรคอนาคตใหม่ของเรา ไม่ได้เสนอให้ยกเลิกทหารทั้งหมด แต่เราเสนอว่าภายใต้งบประมาณเท่าเดิมนั้น หากเปลี่ยนวิธีในการสรรหากำลังพล จะทำให้กองทัพไทยนั้นมีประสิทธิภาพและมีศักดิ์ศรีมีกำลังทัดเทียมชาติอารยะได้มากกว่าที่เป็นอยู่
เราไม่เคยกล่าวว่าให้ฝึกแค่ 1 เดือนแล้วออกไปรบ แต่เราบอกว่าให้ฝึก 5 ปีแล้วเป็นกำลังหลักเลย โดยหากมาจากความเต็มใจ ที่เราให้เงินเดือนและสวัสดิการที่ดีมากขึ้น โดยลดจำนวนคนลง และหันเข้าหาเทคโนโลยีทางการทหารมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยของการทหารในยุคนี้มากขึ้น อีกทั้งในช่วงเริ่มต้น เราก็จะยังให้ทหารที่ถูกเกณฑ์ตามระบบเดิมนั้นอยู่ทำหน้าที่จนจบ เพื่อให้กองทัพได้เกิดการปรับตัว
ทหารที่เกณฑ์มานั้น เราก็ได้เห็นแล้วว่า มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องคอยเอามารองมือรองเท้า คอยเป็นคนรับใช้ บ้านท่านนายพลอีกมากมาย นี่คือสิ่งที่ควรเกิดขึ้นจากระบบอันแสนจะ “มีความเป็นธรรม” ที่ว่านี้เหรอครับ?
แล้วระบบอันเป็นธรรมอะไรกันที่ปล่อยให้มีทหารเกณฑ์ตายจากการฝึกเพราะต้องรองรับอารมณ์และเท้าครูฝึกมากกว่าไปตายจากการรบสงครามจริง? เคยมีการลงโทษได้อย่างจริงจังและเท่าเทียมหรือไม่? คนที่ต้องตายไปได้รับความเป็นธรรมจากระบบอันแสนจะเป็นธรรมนี้แล้วหรือยัง?
อีกทั้งเรื่องสาธารณภัยนั้น หากรัฐบาลมีความจริงใจและจริงจัง ผมเห็นว่ามันไม่ยากเลยที่พลเอกประยุทธ์จะหาทางจัดการปัญหาเหล่านี้เพื่อรับมือได้อย่างยั่งยืน เช่น การนำงบไปสร้างระบบจัดการน้ำ หรือเตรียมการรับมือสาธารณภัยให้กับแต่ละท้องที่จัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าจะมานั่งปล่อยให้เกิดภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเอาทหารเกณฑ์ไว้ด้วยข้ออ้างบนความเดือดร้อนของประชาชนเช่นนี้
เพราะไม่อย่างนั้น ท้ายที่สุดแล้ว พลเอกประยุทธ์คนเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ก็จริง แต่กลายเป็นว่าพลเอกประยุทธ์นั่นแหละที่เป็นปัญหาของประเทศนี้”