ข่าวการเมือง

ดร.เสรีชี้ การศึกษาไทยทำ’บิ๊กตู่’พูดอังกฤษไม่ได้ ป้อง ผู้นำหลายประเทศใช้ภาษาตนบนเวทีโลก

ดร.เสรีชี้ การศึกษาไทยทำ’บิ๊กตู่’พูดอังกฤษ ป้อง ผู้นำหลายประเทศใช้ภาษาตนบนเวทีโลก : ข่าวการเมือง

บิ๊กตู่พูดไทยเปิดงานอาเซียน – วันที่ 25 มิ.ย. จากกรณีนักข่าวต่างประเทศทวีตข้อความว่า สื่อต่างชาติซึ่งนั่งฟังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากล่าวเปิดงานประชุมผู้นำอาเซียน 2561 ไม่เข้าใจสิ่งที่พลเอกประยุทธ์พูดเนื่องจากใช้ภาษาไทยและไม่มีหูฟังแปลภาษาให้นักข่าว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์นั้น

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า

Advertisements

ตำหนิลุงตู่ว่าจบโรงเรียนนายร้อยแต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราก็ไม่รู้ว่าท่านพูดได้หรือไม่ แต่การที่ท่านเลือกที่จะพูดภาษาไทยแล้วใช้ล่าม ไม่ได้เสียหายอะไรเลย ผู้นำหลายประเทศเขาก็ใช้ภาษาของเขาในการสนทนาและปาฐกถาในเวทีโลก

ส่วนเรื่องความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยนั้น ขอสรุปให้ดังนี้

1. คนจบปริญญาตรีเมืองไทย ถ้าไม่ได้จบสาขาภาษาอังกฤษสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ไม่ถึง 10%
2. คนจบปริญญาโทและเอกในเมืองไทย ไม่ได้ไปเรียนเมืองนอก สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ไม่ต่างจากคนจบปริญญาตรี
3. คนจบปริญญาโทและปริญญาเอกเมืองนอก สามารถสื่อสารสนทนาในชีวิตประจำวันได้ แต่อภิปรายหรือแสดงปาฐกถาไม่ได้
4. อาจารย์ที่จบปริญญาโทและปริญญาเอกจากเมืองนอกและสอนในระดับมหาวิทยาลัย สามารถบรรยายเป็นภาษาอังกฤษได้ไม่ถึง 50%
6. คนไทยที่พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับบรรยายได้ อภิปรายได้ หรือแสดงปาฐกถาได้ คือ

6.1 เรียนโรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เด็ก
6.2 จบสาขาด้านภาษาอังกฤษในประเทศไทยด้วยคะแนนระดับสูง
6.3 เป็นคนเก่งภาษาอังกฤษตอนเรียนเมืองไทย แล้วมีโอกาสไปเรียนปริญญาโทหรือเอกในต่างประเทศ
6.4 ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ระดับมัธยม หรือระดับปริญญาตรี

ดังนั้นถ้าใครสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ อย่าตำหนิเลยค่ะ เขาคือ majority ของประเทศ ที่เป็นผลงานของการสอนภาษาอังกฤษของประเทศไทย ที่เน้นการสอนไวยากรณ์มากกว่าสอนพูด สอนฟัง คนที่สอบภาษาอังกฤษได้คะแนนสูงๆบางคนยังพูดไม่ได้เลย พวกเขาแค่เก่งไวยกรณ์ อันนี้รวมถึงครูสอนภาษาอังกฤษบางคนด้วยนะ

Advertisements

พูดแล้วก็เศร้าค่ะ เมื่อไหร่จะปรับแนวทางการสอนภาษาอังกฤษกันเสียทีนะ

อ่านข่าวก่อนหน้า : นักข่าว CNA ร่วมเปิดงานอาเซียน บอก ฟังบิ๊กตู่พูดเข้าใจอยู่คำเดียว

 

ขอบคุณภาพจาก : Mix Magazine

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button