พิษเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการป่าตอง เลิกกิจการไม่ต่อสัญญากว่า 30 % คนตกงานเพียบ
ผู้ประกอบการ สถานบันเทิงป่าตอง เลิกกิจการไม่ต่อสัญญากว่า 30 % ส่วนแผงลอยเลิก 20 % เศรษฐกิจ – โลว์ซีซั่น – ภาษีโหด พ่นพิษ ส่งผลคนตกงานเพียบ วอนจัดเก็บรายได้ใหม่ควรให้ความรู้ก่อน
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ผู้ประกอบการสถานบันเทิง หาดป่าตอง ในฐานะประธานมูลนิธิพัฒนาป่าตอง และ คณะกรรมการตำรวจ (กตร.สภ.ป่าตอง) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจของหาดป่าตอง ซึ่งเป็นเมืองท่องเทียวสำคัญของโลก ว่า ปัจจุบันเมืองป่าตองกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังตกต่ำ ร่วมทั้งกำลังเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
โดยโฟกัสไปที่กลุ่มสถานบันเทิงพบ ว่า ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการและใช้จ่ายลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ประมาณ 35% ส่วนธุรกิจค้าปลีกและแผงลอยลดลงเกือบ 50 % ซึ่งในช่วง 2 -3 ปี หลังพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวและรายจ่ายลดลงทุกปี
สาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง ปัจจัยภายนอกที่เกิดจากเศรษฐกิจโลก ปัจจัยภายในที่เกิดจากสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่สามารถทำอะไรได้แม้ว่าการเลือกตั้งจะจบ และ ตอนนี้ที่ผู้ประกอบการสถานบันเทิงกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก คือ ความไม่ชัดเจนของนโยบายการจัดเก็บภาษีที่มีการเร่งรีบและมีการเรียกเก็บในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมซึ่งเป็นการคำนวณในลักษณะการเหมาจ่ายตามขนาดพื้นที่
นายปรีชาวุฒิ กล่าวต่อไปว่า จากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าว ขณะนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างชัดเจน ต่อผู้ประกอบการสถานบันเทิงในพื้นที่ป่าตอง โดยเฉพาะเรื่องของการคำนวณภาษีใหม่ที่เหมือนกับเป็นการซ้ำเติม ทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุนเพิ่ม ขณะที่ผู้ประกอบการเดินบางส่วนก็ได้ขอคืนพื้นที่เช่า บางรายถึงกับต้องปิดกิจการ เนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่รายได้ที่ได้รับจากนักท่องเที่ยวลดลง
สำหรับพื้นที่ป่าตองพบว่ามีสถานบันเทิงเลิกกิจการไปแล้วประมาณ 35 % ทั้งผับและบาร์ และเริ่มมีการเลิกจ้างงานมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ทีผ่านมา ต่อเนืองจนถึงปัจจุบันพบว่ามีจำนวนมาก ถ้ารายไหนไม่เลิกจ้างก็จะใช้วิธีให้หยุดยาว ซึ่งเกรงว่าการเลิกจ้างงาน จะส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการก่ออาชญากรรม และปัญหายาเสพติด
จึงอยากให้หน่วยงานรัฐวิเคราะห์ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจให้ชัด ร่วมทั้งให้ความรู้กับผู้ประกอบการในการก่อนที่จะเร่งรีบจัดเก็บ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่ได้ ลูกจ้างอยู่ได้ แต่ถ้าผู้ประกอบการล้มเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยวก็ล้มด้วย แล้วรัฐจะจัดเก็บภาษีจากใคร
นายปรีชาวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ในส่วนของผู้ประกอบการกำลังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน ซึ่งเร็วๆนี้ อาจจะไปยื่นหนังสือเพื่อขอให้จังหวัดภูเก็ตช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการ จากการเรียกเก็บรายได้ที่มีการคำนวณใหม่ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีรายจ่ายเพิ่ม ก่อนที่สถานการณ์ร้ายแรงไปกว่านี้ ตอนนี้เราต้องยอมรับว่ารายได้หลักของเมืองป่าตองมาจากการท่องเที่ยวทั้งสิ้น จึงจำเป็นที่จะต้องรักษารายได้หลักส่วนนี้ไว้