ข่าวภูมิภาค

กรมป่าไม้ ลงพื้นที่สั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ดินหาดนุ้ย ภูเก็ต

อธิบดีกรมป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินหาดนุ้ย ต.กะรน เผยเตรียมลงนาม มาตรา 25 ตามระเบียบป่าสงวนแห่งชาติ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หาดนุ้ย – ฟรีดอมใน 2 เดือน นำพื้นที่กลับมาให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน

วันนี้ (26 พ.ค.62) ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก. 2 (ภูเก็ต) ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายวีระพงษ์ พลธิรักษา ผู้ตรวจราชการสำนักงานการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.),พันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดศูนย์ประสานการปฏิบัติการที่ 4 (ศปป.4) กอ.รมน, นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ,นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร , นาวาเอกบวร พรมแก้วงาม รองผอ.รมน.ภูเก็ต, นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต, ชุดปฏิบัติการศูนย์ประสานการปฏิบัติการที่ 4 (ศปป.4), กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.), เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.), เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม่ที่ 12 สาขากระบี่, เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.2 (ภูเก็ต) กอ.กรมน.ภูเก็ต, สปก.ภูเก็ต,ตำรวจ กก.5บก.ปทส., เจ้าหน้าที่ทหารเรือ, ทหารบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้ให้เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงานรายงานข้อมูลการตรวจสอบหลังจากที่มีการลงพื้นที่ไปล่วงหน้าเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเสนอแนวทางที่จะดำเนินการ โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชม.ก่อนออกเดินทางด้วยรถขับเคลื่อน 4 ล้อเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 7 กิโลเมตร โดยในวันนี้ได้มีการลงตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมด 3 จุด ซึ่งสองจุดแรกเป็นจุดที่ สปก.ภูเก็ตได้มีการพิจารณาและยกเลิกสิทธิ์ทำกินในที่ดินดังกล่าวมาแล้วเนื่องจากพบว่าไม่มีการทำประโยชน์และผู้แจ้งสิทธิ์สปก.ขาดคุณสมบัติ โดยหนึ่งในนั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ผาหินดำ และจุดที่ 3 คือ บริเวณที่เรียกว่า Dragon cape ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 142 ไร่ มีการปลูกพืชอาทิเช่น ปาล์มนำมัน กล้วย และเลี้ยงกวาง ซึ่งจุดดังกล่าว อยู่ระหว่างการดำเนินคดีและเตรียมบังคับใช้มาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวภายหลังการลงตรวจสอบพื้นที่ ว่า ด้วยกรมป่าไม้ได้รับการร้องเรียนจากกำนันในพื้นที่ ว่า มีผู้เข้ามาบุกรุกใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขานาคเกิด ซึ่งค่อนข้างมีความสลับซับซ้อนนับแต่มีการประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ และประกาศเขตพื้นที่ ส.ป.ก. กระทั่งมีการประกาศเพิกถอน รวมถึงการครอบครองพื้นที่ต่อเนื่องมา ก่อนที่จะลงมาตรวจสอบในครั้งนี้ได้มีการ จับกุมรถแบ็คโฮที่เข้ามาปรับที่ดินในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ แต่ในรายละเอียดของการยึดถือครอบครองจะมีจำนวนมากกว่านั้น และได้มีการร้องเรียนไปยังศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า กรมป่าไม้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ส่งชุดพยัคฆ์ไพรลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งทหารบก ทหารเรือ และตำรวจ รวมถึง สปก.ภูเก็ต
ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ทั้งฝ่ายปกครอง กำนัน หน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฝ่ายทหารและตำรวจมาช่วยกันตรวจสอบ ถือเป็นการทวงคืนพื้นที่ป่านอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งถือเป็นพื้นป่าที่มีมูลค่ามหาศาล และทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน ซึ่งในอนาคตมองว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการประกาศเป็นพื้นที่ป่าชุมชน ซึ่งจะต้องมีการบริหารจัดการเป็นป่าอนุรักษ์โดยชุมชนเอง มีระเบียบแบแผนและไม่เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าจะเกิดความยั่งยืนในการประโยชน์ในพื้นที่
เบื้องต้นในส่วนที่เป็นคดีแล้วจะเร่งรัดติดตาม และขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาช่วยตรวจสอบ เพราะถือเป็นคดีใหญ่ เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมค่อนข้างมาก ส่วนที่เหลือที่จะต้องมีการขยายผลในส่วนที่เป็นพื้นที่ ส.ป.ก. ได้มีการพูดคุยกับทางผู้ตรวจฯ ส.ป.ก. ว่า จะต้องมีการคัดกรองและตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่มเติมในเรื่องการใช้ประโยชน์ รวมไปถึงการพิสูจน์การครอบครองตามสิทธิ์ของ ส.ป.ก. ในแต่ละแปลง โดยมีคณะทำงานสำคัญ ทั้งคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าฯ เป็นประธาน ก็จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมในเรื่องของแนวทางการคัดกรองและแก้ไขปัญหา รวมถึงแนวทางในการกำหนดพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นป่าชุมชนในอนาคต นายอรรถพล กล่าว
ขณะที่นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ชุดพยัคฆ์ไพร กล่าวว่า พื้นที่ที่มีปัญหาบุกรุกครอบครองและข้อพิพาทมีประมาณ 600-700 ไร่ ซึ่งเป็นจุดที่มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติและมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก มีประวัติศาสตร์การแย่งชิงกันมานาน โดยเฉพาะเรื่องของการร้องเรียน ซึ่งการทำงานในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จในการบูรณาการความร่วมมือกันของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะใครก็แล้วแต่ที่จะมายึดถือครอบครองโดยไม่มีอะไรรองรับหรือผิดก็ต้องถอยออกไป โดยมีคดีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่คลับเฮ้าส์ บริเวณหาดนุ้ย จำนวน 1 คดี, คดีบุกรุก 2 ไร่ และสามารถจับกุมรถแบ็คโฮได้ และล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประมาณ 140 ไร่ ซึ่งต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด และมีการขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาก็ไม่จบ เนื่องจากที่ดินบริเวณนี้มีมูลค่าค่อนข้างมากนับเป็นหมื่นล้านบาท จึงไม่ควรตกเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง
นายชีวะภาพ กล่าวด้วยว่า การดำเนินการในพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทในบริเวณนี้ที่จะเห็นผลในเร็วๆนี้ มี 2 พื้นที่ ซึ่งอธิบดีฯ ได้สั่งการให้ดำเนินการให้จบ คือ หาดฟรีด้อมกับหาดนุ้ย โดยอธิบดีฯ จะมีการลงนามในมาตรา 25 ตามระเบียบป่าสงวนแห่งชาติรื้อถอนสิ่งปลูกที่อยู่ใน 2 พื้นที่ดังกล่าว และนำพื้นที่กลับมาให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยไม่มีใครแสดงตนเป็นเจ้าของหรือมีการเรียกเก็บเงินหรือมีการนำผู้มีอิทธิพลมาข่มขู่เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หากจะต้องเสียเงินก็ต้องมีระเบียบที่ถูกต้อง รอไม่เกิน 2 เดือนจะเห็นผลแน่นอน
ด้านนายวีระพงษ์ พลธิรักษา ผู้ตรวจราชการสำนักงานการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) กล่าวว่า เลขา ส.ป.ก.ได้ให้นโยบายมาแล้วว่าให้มาร่วมตรวจสอบและหากพบว่า พื้นที่ใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบ มีคุณสมบัติไม่ถูกต้อง หรือให้สิทธิ์ไปแล้วไม่ทำประโยชน์ จะมีการนำเสนอคณะกรรมการฯ จังหวัด เพื่อพิจารณา และหากพบว่า ยังมีพื้นที่เป็นป่าก็จะกันคืนให้กับกรมป่าไม้ ซึ่งในส่วนของ ส.ป.ก.ในบริเวณนี้ที่เกี่ยวข้องมีประมาณ 43 ไร่ ซึ่งมีบางส่วนที่มีการถอน ส.ป.ก.ไปบ้างแล้ว
ส่วนนายวินัย ชิดเชี่ยวกำนันตำบลกะรน กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยเป็นคนในพื้นที่ จึงเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และจากการร้องเรียนที่ผ่านมาการปฏิบัติงานของคนในพื้นที่ก็ค่อนข้างหนักใจ ซึ่งถือว่าโชคดีที่อธิบดีกรมป่าไม้ลงพื้นที่ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานในการรักษาพื้นที่ป่า การให้แนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน รวมถึงแนวทางในการอนาคตที่ให้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามแนวทางของป่าชุมชนตามระเบียบกฎหมาย โดยพื้นที่ทั้งหมดถูกบุกรุกจากคนภายในนอก โดยเฉพาะพื้นที่หาดนุ้ย นับเป็นพื้นที่ที่มีปัญหามานาน ทั้งการยิงข่มขู่ การทำร้ายร่างกาย การเรียกเก็บเงิน จนเป็นที่หวาดกลัวของคนในพื้นที่ ซึ่งการบูรณาการความร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการคืนพื้นที่ให้กับประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งแม้เราต้องการให้แล้วเสร็จโดยเร็วแต่ก็ต้องใช้เวลา เพราะมีเรื่องของข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง หากสำเร็จก็จะเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวของภูเก็ตให้สูงยิ่งๆ ขึ้น

Advertisements

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button