ข่าวภูมิภาค

รวบ 3 วัยรุ่น รุมทำร้ายหนุ่มอเมริกันบาดเจ็บ สารภาพทำจริง แต่ไม่ได้วิ่งราวกระเป๋า

รวบ 3 หนุ่ม ก่อเหตุรุมทำร้ายหนุ่มอเมริกันบาดเจ็บไปสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งสามให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง แต่ไม่ได้วิ่งราวกระเป๋า เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย และนำตัว ไปชี้จุดเกิดเหตุ พบของกลางที่ใช้ก่อเหตุเป็นท่อพีวีซียาว 2 ม.

จากกรณี นทท.หนุ่มชาวสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพผ่านอินสตาแกรม ชื่อ @trimbleezy โดยระบุข้อความว่าเจ้าตัวเดินทางไปเที่ยวบนเกาะพีพี จ.กระบี่ แล้วประสบเหตุคนร้ายวิ่งราวกระเป๋าของหญิงสาวคนหนึ่ง จากนั้นเจ้าตัววิ่งไล่ตามเพื่อช่วยเหลือ จนสามารถนำกระเป๋ามาคืนให้กับหญิงสาวรายดังกล่าวได้ ต่อมามีกลุ่มชายที่คาดว่าเป็นกลุ่มคนร้าย ประมาณ 2-3 คน เข้ามารุมทำร้าย โดยใช้ไม้มารุมทุบตี จนได้รับบาดเจ็บ พร้อมมีภาพเลือดไหลตามร่างกาย ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการเย็บที่ศีรษะ และที่หัวเข่าด้านซ้าย และยังอ้างว่าแจ้งให้ตำรวจ สภ.เกาะพีพี รับทราบแล้ว แต่กลับไม่ยอมรับแจ้ง ความจึงไม่เข้าใจการทำหน้าที่ของตำรวจบนเกาะพีพี เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 9 มีนาคม 2562 ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชี่ยล ขณะที่ตำรวจสภ.เกาะพีพีระบุว่า ได้แจ้งให้ผู้เสียหายมาพบตำรวจใหม่อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น หลังรักษาบาดแผลแล้ว ก่อนที่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวจะโพสต์เรืองราวลงในอินสตาแกรม เจ้าหน้า ก็ได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

ความคืบหน้า ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มี.ค.62 พ.ต.ท.โชคดี มาบางยาง สวญ สภ.เกาะพีพี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ควบคุมตัว ผู้ก่อเหตุรุมทำร้าย นักท่องเที่ยว จำนวน3 คน ประกอบด้วยนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นายบอย (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี และนายชูศักดิ์ เสนาะ อายุ 20 ปี มาสอบปากคำ ที่ สภ.เกาะพีพี โดยทั้ง 3 คน ให้การยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุรุมทำร้ายจริง แต่ไม่ได้วิ่งราวกระเป๋าของ นทท.หญิง ตามที่นายสตีเฟ่น ทริมเบิ้ล หนุ่มชาวอเมริกา กล่าวอ้าง ต่อมาตำรวจคุมทั้ง 3 คน ไปชี้จุดเกิดเหตุบริเวณอ่าวโล๊ะซามะ บนเกาะพีพี พบท่อพีวีซีติดคราบเลือดตกอยู่ 1 อันในจุดเกิดเหตุจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบถามผู้ต้องหาทราบว่าเป็นท่อพีวีซี ที่ใช้ทุบตีฝรั่งจริง ก่อนจะคุมตัวทั้ง 3 คน ไปสอบสวนต่อที่ สภ.เกาะพีพี ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บ ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพ

โดยนายชูศักดิ์ หนึ่งในผู้ต้องให้การสารภาพว่า ในคืนเกิดเหตุ พวกตนรุมทำร้าย นายสตีเฟ่น จริง แต่ไม่ได้มีการวิ่งราวกระเป๋าของ นทท.หญิง ตามที่นายสตีเฟ่น โพสต์ข้อความ แต่เป็นเพราะนายสตีเฟ่น กล่าวหาว่าตน ขโมยโทรศัพท์มือถือของ นทท.หญิง ไป จึงขอโทรศัพท์ไปตรวจสอบ ก็พบว่าไม่ใช่ของ นทท.หญิงคนดังกล่าว ตนจึงขอโทรศัพท์คืน แต่นายสตีเฟ่น ไม่ยอมคืนให้ จึงเกิดการยื้อแย่งกัน จนเกิดการชุลมุนขึ้น ตนตะโกนให้นายเอก ซึ่งนอนอยู่ในเรือใกล้จุดเกิดเหตุมาช่วย นายเอ ก็วิ่งมาพร้อมคว้าท่อพีวีซี ยาว 2 เมตร มาตีใส่นายสตีเฟ่น จากนั้นนายบอย ขับเรือมาที่หาดจุดเกิดเหตุ และเห็นเหตุการณ์ชุลมุนอยู่ จึงวิ่งเข้ามาช่วย เพราะเห็นว่าพวกตนสู้นายสตีเฟ่น ไม่ได้ เนื่องจากนายสตีเฟ่น มีรูปร่างสูงใหญ่ จนกระทั่งนายสตีเฟ่น ยอมคืนโทรศัพท์มา พวกตนก็แยกย้ายกันออกไปจากที่เกิดเหตุ และยอมรับว่ากระทำเกินกว่าเหตุ และพร้อมรับโทษ

ในส่วนของการติดตามหาตัวนายสตีเฟ่นฯ เพื่อนำตัวมาสอบสวน นั้น ล่าสุดทาง พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก. ตม.กระบี่ ตรวจสอบพบว่าหลังเดินทางออกจากเกาะพีพี นายสตีเฟ่น เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่หาดอ่าวนาง ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางออกจาก จ.กระบี่ ไปยัง เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จึงประสานให้ตำรวจ ตม.สุราษฎร์ธานี ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ สภ.เกาะพะงัน ช่วยกันติดตามตัวนายสตีเฟ่น เพื่อนำตัวมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button