ชัชชาติ พร้อมสภาวิศวกร เช็กหลุมยักษ์หน้ารพ. มั่นใจฝนไม่เป็นอุปสรรค แต่ต้องเฝ้าระวัง

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร พร้อมสภาวิศวกร เช็กหลุมยักษ์หน้ารพ.ถนนสามเสน หลังฝนตก เมื่อคืนยังไม่กระทบแต่ต้องเฝ้าระวัง หากมีฝนเพิ่ม
อัปเดตกรณีเข้าซ่อมแซมความเสียหายหลังเกิดเหตุ ถนนทรุดตัวย่านสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยทรุดตัวเป็นหลุมขนาดใหญ่บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ก.ย. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ติดตามความคืบหน้าเหตุดินสไลด์และถนนทรุดตัว บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการเทคอนกรีตลงไปอย่างต่อเนื่องปริมาณรวม 1,105 คิว เพื่อปิดช่องเปิดไปยังสถานี เมื่อวานมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าที่ห้อยลงไป กำลังสูบ 0.25 ลบ.ม./วินาที เมื่อคืนมีฝนตกหนักปริมาณ 10 มิลลิเมตร ตามพยากรณ์อากาศ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงาน เราได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ระบบระบายน้ำ
จากนั้นจะมีการเทคอนกรีตใต้สถานี เพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแรง โดยใช้คอนกรีตที่เรียกว่าสเปรย์คอนกรีต เป็นทรายผสมซีเมนต์ ฉีดพ่นลงไปใต้สถานี ให้เสร็จในวันที่ 8 ต.ค. 68 พร้อมทั้งเชื่อมท่อประปาที่ขาดลงไป เชื่อมท่อระบายน้ำ ทำให้เสร็จพร้อมกันทีเดียวเลย ก่อนจะปิดพื้นที่ด้านล่าง ในภาพรวมก็เป็นไปตามเป้า ไม่ได้มีอุปสรรคอะไร
ด้านตำรวจก็ความร่วมมือในการเชื่อมต่อกล้อง CCTV เพื่อดูภาพเวลาเกิดเหตุรถชน ทาง กทม.ก็ยินดีให้ความสะดวก ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่มาก็เป็นผู้ทีความรู้มาจากต่างประเทศ สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ประชาชน มาตั้งแต่เริ่มโครงการ มาจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสบการณ์ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน สุดท้ายนี้ ก็ขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่แอบมาลงพื้นที่ตรวจงานหลายครั้ง รวมถึงการลงพื้นที่โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า อย่างเมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งเป็นบทเรียนในการตรวจสอบการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้งม่วงใต้และส้มใต้


นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจติดตามการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ของสำนักการระบายน้ำเพื่อรองรับหากมีน้ำท่วมฉับพลัน พร้อมกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่
ขณะที่ นายเทียนชัย วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการเขตดุสิต เป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์หลุมยุบ เขตดุสิต โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), สำนักการระบายน้ำ, การไฟฟ้านครหลวง, สถานีตำรวจนครบาลสามเสน และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพื่อรายงานผลการดำเนินงานและวางแผนการแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังมีการแถลงข่าวเพื่อให้ประชาชนทราบความคืบหน้า โดยนายเทียนชัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้อย่างทันท่วงที โดยสำนักงานเขตดุสิตได้ตั้งโต๊ะรับลงทะเบียนผู้ประสบภัย ณ กองอำนวยการ พร้อมขอให้เจ้าของบ้าน ผู้เช่า และผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน รีบดำเนินการโดยเร็ว เพื่อเข้าสู่กระบวนการรับสิทธิช่วยเหลือตามระเบียบ
ส่วนการดำเนินงานกู้พื้นที่ นายวัชรพล คงสวัสดิ์ รองผู้อำนวยการของโครงการรถไฟฟ้าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รายงานว่า ขณะนี้ รฟม. ได้ดำเนินการเทคอนกรีตแล้วกว่า 900 คิว สามารถหยุดการไหลของดินและน้ำเข้าสู่อุโมงค์ได้เรียบร้อย โดยมีแผนเร่งรัดงานในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ให้แล้วเสร็จ หากไม่มีอุปสรรค และจะดำเนินการพ่นคอนกรีต เสริมความมั่นคงบริเวณใต้อาคาร สน.สามเสน พร้อมทั้งยืนยันผลการตรวจสอบอาคารโดยรอบว่า ยังมั่นคง มีการเคลื่อนตัวเพียงเล็กน้อยในระดับมิลลิเมตร ไม่เป็นอันตราย
ด้าน ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล รายงานว่า โรงพยาบาลวชิรพยาบาลได้กลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว โดยเมื่อวันที่ 26 ก.ย. มีผู้ป่วยเข้ารับบริการประมาณ 2,000 ราย และคาดว่าในวันจันทร์ที่ 30 ก.ย. จะมีผู้ป่วยนัดหมายกว่า 2,500 ราย จึงขอความร่วมมือผู้ป่วยและญาติเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจรรอบโรงพยาบาล



อ้างอิงข้อมูลจากบีบีซีไทยได้ลงสัมภาษณ์ของนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการ รฟม. เมื่อ 25 ก.ย.68 โดยสันนิษฐานสาเหตุหนึ่งวันหลังเกิดเหตุถนนยุบนั้น เบื้องต้นอาจจะมาจากสภาพของดินและน้ำที่เปลี่ยนแปลงไปเป็น “ลักษณะพิเศษ” ทำให้พื้นผิวทรุดตัว พร้อมยืนยันว่า รฟม. และผู้รับจ้างจะเร่งอุดรูรั่วและคืนพื้นผิวจราจรให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนจะค่อยซ่อมแซมบริเวณสถานีรถไฟฟ้าที่เสียหายเป็นลำดับถัดไป
ผู้ว่าการ รฟม. ไล่เรียงเหตุการณ์การทรุดตัวของถนนในบริเวณดังกล่าวว่าเกิดขึ้นในช่วงระหว่าง 5.00 – 7.30 น. ของเมื่อวาน (24 ก.ย.) โดยไล่เรียงพัฒนาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “เชิงประจักษ์”แล้ว บทความดังกล่าวยังระบุถึงผู้ว่าการ รฟม. ให้ข้อมูลจากการหารือกับผู้รับจ้างและผู้ออกแบบโครงการ ได้แบ่งการแก้ไขสถานการณ์เป็น 2 ระยะ ได้แก่
- ระยะที่ 1 เร่งคืนพื้นที่จราจร โดยอุดรูรั่วระหว่างอุโมงค์กับตัวสถานีด้วยกระสอบทรายจำนวนเกือบ 50,000 ลูก จากนั้นจะถมด้วยซีเมนต์ผสม กลบด้วยดินหรือทรายเพื่อให้พื้นผิวกลับเข้ามาสู่ระดับปกติและทำพื้นผิวถนนชั่วคราวเพื่อเปิดการจราจรให้เร็วที่สุด โดยจะพยายามทำให้ได้ภายใน 14 วัน
- ระยะที่ 2 ซ่อมแซมตัวสถานี-อุโมงค์รถไฟฟ้า ซึ่ง รฟม. และผู้รับจ้างต้องหารือกันในรายละเอียดอีกครั้ง โดยในระยะนี้ยังรวมถึงการซ่อมแซมตัวอาคารที่ได้รับผลกระทบ เช่น สถานีตำรวจ หรืออาคารข้างเคียงด้วย
รศ.ดร.วัชรินทร์ มองว่าช่วงเวลาที่ รฟม. กำหนดจะคืนพื้นผิวจราจรได้ภายใน 2 สัปดาห์นั้น เป็นไปได้จริง ทว่า เขาแสดงความกังวลในแง่วิธีการใช้กระสอบทรายเข้าไปอุดรูรั่ว ซึ่งเขาไม่มั่นใจว่าจะหยุดการไหลของดินได้จริงหรือไม่.
ขอบคุณคลิป : @onenews31


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชัชชาติ เผยภาพรวมหลุมยุบคงที่ เมื่อคืนมีสไลด์เล็กน้อย เตรียมเทปูนเพิ่ม
- เขตดุสิต สั่งห้ามเข้า-ห้ามใช้อาคารใกล้หลุมยักษ์ หวั่นถนนทรุดตัวซ้ำ ฝ่าฝืนมีโทษ
- จดด่วน คนแห่ถามหา ทะเบียนรถตำรวจ-เลขหมวก ร่วงหลุมยักษ์หน้า รพ.วชิระ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: