แนะนำหนังสือ Metahuman ของ Deepak Chopra เมื่อโลกที่คุณเห็นอาจไม่ใช่ของจริง

คุณเคยรู้สึกไหมว่าชีวิตเหมือนกำลังเล่นตามบทที่คนอื่นเขียน? ตื่นเช้า ทำงาน ใช้ชีวิต วนเวียนอยู่ในกรอบความคิด ความคาดหวัง กฎเกณฑ์ที่สังคมขีดไว้ให้ แต่ถ้าทั้งหมดนั้น เป็นเพียงภาพลวงตาที่จิตใจของคุณสร้างขึ้นมาเองล่ะ แล้วอะไรคือของจริง ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังม่านละครฉากใหญ่นี้
นี่คือคำถามที่ท้าทาย ปลุกเร้าจิตสำนึกที่สุดจาก Dr. Deepak Chopra (ดีพัค โชปรา) กูรูด้านจิตวิญญาณ แพทย์ และนักเขียนระดับโลก ในผลงานหนังสือชิ้นเอกที่ชื่อว่า Metahuman: Unleashing Your Infinite Potential (ปลดปล่อยศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของคุณ) หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่คู่มือพัฒนาตนเองที่คุณเคยอ่าน แต่มันคือ “ยาเม็ดสีแดง” ที่จะกระชากคุณให้ตื่นจากโลกจำลอง The Matrix เพื่อค้นพบว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณนั้นยิ่งใหญ่และไร้ขีดจำกัดกว่าที่เคยจินตนาการไว้มาก
1. ‘Metahuman’ เล่าถึงอะไร คำตอบที่อาจเปลี่ยนวิธีมองโลกของคุณ
Meta แปลว่า “เหนือกว่า” หรือ “ก้าวข้าม” ดังนั้น Metahuman จึงหมายถึง “การก้าวข้ามมนุษย์ที่ถูกโปรแกรมความคิด”
ดร.โชปราฟันธงว่า จิตใจ ที่เราใช้คิดและตัดสินใจทุกวันนี้ ไม่ต่างอะไรจากห้องเสียงสะท้อน (Echo Chamber) ที่เต็มไปด้วยความคิดของคนอื่น ลองหยุดและฟังเสียงในหัวของคุณสักครู่ แล้วความคิดเหล่านั้นมาจากไหน? ส่วนใหญ่มาจากโซเชียลมีเดีย ข่าวสาร หรือเรื่องเล่าที่สังคมป้อนให้เรามาทั้งสิ้น เราแทบไม่มีความคิดที่เป็นของเราเองจริงๆ
จิตใจที่ถูกโปรแกรม นี้เอง คือต้นตอของความบ้าคลั่งทั้งมวลบนโลก ไม่ว่าจะเป็นสงคราม การทำลายล้างธรรมชาติ ความอยุติธรรม หรือความเกลียดชัง การเป็น Metahuman คือการ ถอนการติดตั้ง โปรแกรมเหล่านี้ แล้วก้าวไปสู่ ความจริงในระดับเมตา (Meta Reality) ซึ่งเป็นมิติของความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด มันคือการเปลี่ยนอัตลักษณ์จากนักแสดง ที่เล่นตามบท ไปสู่ ผู้สร้างที่เขียนบทชีวิตตัวเอง
2. โลกที่คุณเห็น อาจไม่ใช่ของจริง
หนึ่งในแนวคิดที่อาจทำให้คุณต้องทบทวนทุกสิ่ง คือข้อเสนอที่ว่า “ความจริงที่คุณสัมผัสอยู่ทุกวัน คือภาพจำลองที่จิตใจสร้างขึ้น”
เราเชื่อว่าโต๊ะตัวนี้แข็ง เก้าอี้ตัวนี้มีสีน้ำตาล แต่ ดร.โชปรา บอกว่านั่นเป็นเพียง ประสบการณ์ส่วนตัว ที่เกิดขึ้นในจิตสำนึกของคุณเท่านั้น ไม่ใช่คุณสมบัติที่แท้จริงของวัตถุ
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะข้อจำกัดของประสาทสัมผัส ตาของเรามองเห็นแสงได้ไม่ถึง 1% ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมด แปลว่าจักรวาลส่วนใหญ่ “ล่องหน” ไปจากการรับรู้ของเรา แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราเห็นคือความจริงทั้งหมด?
ร่างกายเป็นแค่กระบวนการ แม้แต่ร่างกายของเราก็ไม่ใช่อัตลักษณ์ที่แท้จริง แต่เป็นเพียงกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุณไม่ใช่ร่างกาย แต่คุณคือผู้ที่กำลังมีประสบการณ์ผ่านร่างกายนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ภาพลวงตานี้ยังถูกซ้อนทับด้วยโปรแกรมทางสังคม “เมทริกซ์ของความเชื่อ” ที่เราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เกิด เช่น เพศ เชื้อชาติ สถานะ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นจริงอย่าง “เงิน” หรือ “เวลา” ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้นมาทั้งสิ้น
การเดินทางสู่ Metahuman คือการค่อยๆ คลายเกลียวโครงสร้างความคิดเหล่านี้ เพื่อมองให้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
3. ทะลุมิติสู่ ‘Meta Reality’ ที่ซึ่งศักยภาพของคุณไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อความจริงที่เราเห็นเป็นแค่ภาพจำลอง แล้วอะไรคือเบื้องหลัง?
คำตอบคือ Meta Reality มันคือ “ซอร์สโค้ด” (Source Code) ของทุกสรรพสิ่ง คือสนามพลังแห่งความเป็นไปได้อันบริสุทธิ์ ที่ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ สัญชาตญาณ และปาฏิหาริย์ถือกำเนิดขึ้น
หัวใจสำคัญคือ การตระหนักรู้ที่บริสุทธิ์ (Pure Awareness) เมื่อเราหยุดความคิดที่ฟุ้งซ่านทั้งหมดลงได้ เราจะเข้าถึงสภาวะของความว่างและความตระหนักรู้ สิ่งนี้เองคือตัวตนที่แท้จริงของเรา เป็น “ผู้เฝ้าดู” ที่อยู่เบื้องหลังความคิดและร่างกาย
สมาธิคือกุญแจ: การทำสมาธิคือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการเดินทางผ่านเสียงจอแจในหัว เพื่อเข้าไปสู่ “ช่องว่าง” ระหว่างความคิด ช่องว่างนี้คือประตูสู่ Meta Reality ที่ซึ่งทุกอย่างเชื่อมโยงกัน และความปรารถนาของคุณจะถูกจัดเรียงให้เป็นจริงผ่านสิ่งที่เรียกว่า “ความสอดคล้องเชิงเวลา” (Synchronicity) หรือ “ความบังเอิญที่ถูกจัดวาง”
คุณไม่ใช่ความคิดของคุณ: การตระหนักว่าคุณไม่ใช่ความคิด ไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็น “ความตระหนักรู้ที่เฝ้ามองอย่างเงียบงัน” คือการปลดปล่อยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด มันคือการเปลี่ยนจากคลื่นที่ซัดสาดไปมา สู่มหาสมุทรที่สงบนิ่งและไร้ขอบเขต
4. ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่คือแผนที่สู่การปลดปล่อยตัวตน
Metahuman ไม่ได้ทิ้งให้คุณเคว้งคว้างอยู่กับปรัชญาล่องลอย แต่ได้มอบเครื่องมือที่จับต้องได้ เพื่อนำคุณไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
เส้นทาง 31 วันสู่การปลดปล่อย
ท้ายเล่มมีแบบฝึกหัด 31 วัน ที่ออกแบบมาเพื่อขยายการตระหนักรู้ของคุณทีละน้อย เป็นวิธีง่ายๆ ในการเชื่อมต่อกับพลังของ Synchronicity เพียงแค่คุณสงบนิ่งแล้วถามว่า “ฉันต้องการอะไร?” และ “เป้าหมายของฉันคืออะไร?” จากนั้นปล่อยให้ความตั้งใจนั้นทำงาน จิตสำนึกที่เป็นระบบจะจัดเรียงเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อนำพาสิ่งนั้นมาสู่ชีวิตคุณเอง
หนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นว่าอัจฉริยะอย่างโมสาร์ท หรือนักฟิสิกส์อย่างริชาร์ด ไฟน์แมน ไม่ได้พิเศษกว่าเรา แต่พวกเขาค้นพบวิธี เชื่อมต่อกับ Meta Reality โดยบังเอิญ ทุกคนมีศักยภาพนี้ซ่อนอยู่ รอเพียงการปลุกให้ตื่นขึ้น
ความกลัว ความโกรธ ความรู้สึกผิด ล้วนเกิดจากภาพลวงตาว่าตัวเราแยกขาดจากสรรพสิ่ง เมื่อเราเข้าถึง เอกภาพแห่งจิตสำนึก และตระหนักว่าทุกสิ่งคือหนึ่งเดียวกัน ความกลัวจะสลายไป เหลือเพียงความรัก ความเมตตา และความสุขที่แท้จริงซึ่งเป็นธรรมชาติดั้งเดิมของเรา
ก้าวข้ามความกลัวตาย
ประโยชน์สูงสุดของการเป็น Metahuman คือการสูญสิ้นความกลัวตาย เพราะเมื่อคุณตระหนักว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณคือ “การตระหนักรู้” ที่อยู่นอกเหนือกาลเวลา คุณจะเข้าใจว่าสิ่งนั้นไม่เคยเกิดและไม่มีวันตาย มีเพียงประสบการณ์ของร่างกายนี้เท่านั้นที่สิ้นสุดลง
บทสรุป ได้เวลาตื่นจากฝัน แล้วเขียนบทชีวิตคุณเอง
Deepak Chopra ได้วางเดิมพันครั้งใหญ่ว่า มนุษยชาติกำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญระหว่าง การสูญพันธุ์ หรือ การวิวัฒนาการสู่ Metahuman
หนังสือเล่มนี้คือเข็มทิศที่จะนำทางคุณให้ แยกแยะความจริงออกจากภาพลวงตา ที่จิตใจสร้างขึ้น ปลดล็อกศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด ของคุณผ่านการเชื่อมต่อกับ Meta Reality ใช้ชีวิตด้วยความสุขที่แท้จริง ซึ่งเป็นอิสระจากเงื่อนไขภายนอก
หากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังแสวงหาบางสิ่งที่มากกว่า เหนื่อยล้ากับการใช้ชีวิตในกรอบที่คนอื่นสร้าง Metahuman คือประตูสู่การตื่นรู้ที่คุณไม่ควรพลาด มันคือโอกาสที่คุณจะได้ทลายกำแพงความคิด สร้างความจริงในแบบฉบับของคุณ และปลดปล่อยศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดที่หลับใหลอยู่ภายในตัวคุณมาตลอดชีวิต
สนใจซื้อหนังสือ Metahuman ผ่าน Shopee คลิก
ติดตาม The Thaiger บน Google News: