ข่าว

โอกาสเกิดยาก! สุริยุปราคา 22 ก.ย.68 ตรงวันสารทเดือนสิบไทย เปิดตำนาน ราหูอมอาทิตย์

แม้ไทยไม่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนในวันนี้ แต่เป็นวันที่จังหวะของดาราศาสตร์และวัฒนธรรมมาบรรจบกันพอดี เนื่องจากตรงกับ “วันสารทไทย” วันทำบุญใหญ่ให้บรรพชน

วันที่ 22 กันยายน 2568 ถือเป็นวันที่มีความหมายซ้อนกันอย่างน่าสนใจ ระหว่างปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ระดับโลกและความเชื่อทางวัฒนธรรมที่สำคัญของไทย นั่นก็คือปปรากฏการณ์ สุริยุปราคา และ วันสารทเดือนสิบไทย ที่ซ้อนตรงกันพอดี แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นสุริยุปราคาได้จากประเทศไทยก็ตาม

ปรากฏการณ์ “สุริยุปราคาบางส่วน” ที่อีกฟากของโลก

ในช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ (22 ก.ย.68) ตามเวลาสากล ได้เกิดปรากฏการณ์ “สุริยุปราคาบางส่วน” (Partial Solar Eclipse) ขึ้น โดยแนวคราสพาดผ่านบริเวณมหาสมุทรใต้ ทำให้ผู้คนในประเทศนิวซีแลนด์, บางส่วนของทวีปแอนตาร์กติกา และตอนใต้ของออสเตรเลีย สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าในลักษณะเป็นเสี้ยว หรือที่สื่อต่างประเทศเรียกว่า “crescent sunrise”

สำหรับประเทศไทยนั้น ไม่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์ในครั้งนี้ได้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามชมได้ผ่านการถ่ายทอดสดจากเครือข่ายดาราศาสตร์สากลทางออนไลน์เท่านั้น

“วันสารทเดือนสิบ” วันแห่งการทำบุญให้บรรพชน

ในขณะเดียวกัน ปฏิทินไทยได้ระบุให้วันนี้ (จันทร์ที่ 22 ก.ย. 68) ตรงกับ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งเป็น “วันสารทไทย” หรือ “วันสารทเดือนสิบ”

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญตามประเพณีไทย โดยเฉพาะในภาคใต้ ที่ลูกหลานจะจัดพิธีทำบุญใหญ่เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษและดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ มีการจัดเตรียมสำรับอาหารคาวหวานและขนมตามประเพณี เช่น ขนมพอง ขนมลา เพื่อนำไปทำบุญที่วัด และเป็นโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวได้กลับมารวมตัวกัน

"วันสารทเดือนสิบ" วันแห่งการทำบุญให้บรรพชน
วันสารทของไทย

เมื่อวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมบรรจบกัน

แม้ว่าคนไทยจะไม่ได้เห็นสุริยุปราคาในวันนี้ แต่การที่ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่แสดงถึงวงโคจรของดวงดาว มาเกิดขึ้นตรงกับวันที่ผู้คนต้องทำบุญเพื่อระลึกถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้วพอดี ก็เป็นจังหวะเวลาที่ชวนให้ขบคิดถึงวัฏจักรของกาลเวลา ทั้งในมิติของธรรมชาติและมิติของความทรงจำในครอบครัว

ดังนั้น วันที่ 22 กันยายน 2568 จึงเป็นวันที่คนไทยสามารถร่วมสืบสานประเพณีทำบุญตามความเชื่อ และในขณะเดียวกันก็สามารถติดตามปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่เกิดขึ้นในอีกซีกโลกหนึ่งได้เช่นกัน

นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง หากลองคำนวณระยะเวลาตามปฏิทินแล้ว โดยเฉลี่ย มีสุริยุปราคา 2–5 ครั้ง/ปี (ค่าเฉลี่ย ~2.38 ครั้ง/ปี) ขณะที่ปีหนึ่งมี “จันทร์ใหม่” ราว 12.37 ครั้ง

คิดหยาบ ๆ ได้ว่า ประมาณ 1 ใน 5 ของคืนเดือนมืด จะพาโลกเข้า “ฤดูคราส” และเกิดสุริยุปราคา “ที่ใดที่หนึ่งบนโลก” นั่นแปลว่า โอกาสที่ “สารทเดือนสิบ” ของปีใดปีหนึ่งจะชนกับสุริยุปราคา (ที่ไหนสักแห่งบนโลก) อยู่ราว ๆ 20% — โดยเฉลี่ย สัก 1 ครั้งใน ~5 ปี ก็เจอ

คำอธิบายวิทยาศาสตร์ “ฤดูคราส” เกิดปีละสองครั้ง (ห่างกัน ~6 เดือน) ช่วงราว 35 วัน ที่โลก–ดวงจันทร์–ดวงอาทิตย์จัดแนวได้พอดี จึงเอื้อให้เกิดคราส ถ้าจันทร์ใหม่เข้าใกล้ “ปมวงโคจร” ภายใน ~17° ก็มีลุ้นเกิดสุริยุปราคา

การ เกิดสุริยุปราคา “ให้เห็นจากประเทศไทย” ตรงวันสารทเดือนสิบ นั้น ยากกว่ามาก เพราะ สุริยุปราคาเห็นเฉพาะแนวเงาบนแผ่นดิน ไม่ได้เห็นทั้งโลกเหมือนจันทรุปราคา ยิ่งรูปแบบ เต็มดวง (Total) ที่จุดใดจุดหนึ่ง เฉลี่ยหลายร้อยปีครั้ง ยิ่งยากกว่าอีกขั้น ขณะที่บางปีไทยอาจไม่เห็นเลยแม้จะมีสุริยุปราคาที่ต่างทวีป

“ราหูอมอาทิตย์” ตำนานโบราณไขความลับสุริยุปราคา

ต้นกำเนิดของราหูมาจากมหากาพย์ของศาสนาฮินดูเรื่อง “กวนเกษียรสมุทร” ซึ่งเล่าว่า ราหู เป็นอสูรที่แอบดื่มน้ำอมฤตที่ได้จากการกวนเกษียรสมุทร พระวิษณุทรงทราบจึงขว้างจักรตัดลำตัวราหูขาดเป็นสองท่อน แต่ด้วยฤทธิ์ของน้ำอมฤต ทำให้ศีรษะของราหูเป็นอมตะ

ด้วยความแค้นเคืองที่พระอาทิตย์และพระจันทร์เป็นผู้ฟ้องร้องต่อพระวิษณุ ศีรษะของราหูจึงคอยไล่ “อม” หรือ “กลืน” พระอาทิตย์และพระจันทร์อยู่เสมอ แต่เนื่องจากไม่มีลำตัว จึงทำได้เพียงชั่วครู่แล้วก็ต้องคายออกมา เป็นที่มาของคำอธิบายปรากฏการณ์สุริยุปราคา (ราหูอมอาทิตย์) และจันทรุปราคา (ราหูอมจันทร์) ตามคติความเชื่อโบราณ

ในทางโหราศาสตร์ไทย ราหูถูกจัดเป็นหนึ่งในเทพนพเคราะห์ที่ให้ผลในด้านเคราะห์ร้าย การเกิดสุริยุปราคาจึงถูกตีความว่าเป็นช่วงเวลาที่พลังงานไม่ดีมีความรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อดวงเมือง, เศรษฐกิจ, การเมือง และอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงมักมีคำเตือนให้ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเป็นพิเศษ

แม้ว่าปัจจุบันวิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายปรากฏการณ์สุริยุปราคาได้อย่างชัดเจน แต่กรอบความเชื่อเรื่อง “ราหูอมอาทิตย์” ก็ยังคงดำรงอยู่คู่กับสังคมไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนให้เห็นถึงวิธีที่ผู้คนในอดีตใช้ตำนานเพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์บนท้องฟ้านั่นเอง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : LIVESCIENCE

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button