
อ.ตฤณห์ ขอโทษ ปมใช้คำว่า ‘เหลี่ยม’ เผยวิเคราะห์ในฐานะนักอาชญาวิทยา ไม่ใช่นักกฎหมาย ชี้เป็นแค่นิยามเชิงพฤติกรรม ไม่ได้เจาะจงกล่าวหา ออม สุชาร์
จากกรณีดราม่าปมธุรกิจชื่อดัง ระหว่างดาราสาว ออม สุชาร์ และ พริม ณัฐชา ออมาเคลียร์ประเด็นที่เกิดขึ้นรายการโหนกระแส เริ่มต้นจากสาวพริมที่ชี้แจงก่อนในวันที่ 18 กันยายน 2568 กล่าวถึงปัญหาเรื่องถือหุ้นที่ทำให้เธอไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ในบริษัทได้ ซึ่งมี อาจารย์ตฤณ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยา และ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มานั่งเป็นแขกรับเชิญเพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อมาวันที่ 19 กันยายน 2568 ออม สุชาร์ และ อัง น้องสาว ออกมาเปิดเผยข้อมูลฝั่งตนเองตอบกลับข้อกล่าวหาต่าง ๆ พร้อมแจงถึงสาเหตุที่ต้องซื้อหุ้น 4% จาก ศสา อดีตผู้จัดการมาถือไว้ให้ตนเองถือ 52%a เนื่องจากพบโลโก้แบรนด์อื่นในไดร์ฟบริษัททำให้ตนเริ่มไม่ไว้ใจว่าอีกฝ่ายกลับไปทำแบรนด์เดิมหรือไม่
ในรายการโหนกระแส สาวออม เปิดเผยว่า ไม่พร้อมที่จะให้อาจารย์ตฤณมานั่งในรายการด้วย เพราะยังรู้สึกงอน ๆ อยู่ เพราะอาจารย์ยังไม่ได้ฟังเรื่องจากเธอ มีคำพูดบางคำที่ทำให้เสียใจ หาว่าเธอเป็นคนเหลี่ยม ตนอยากคุยกับอาจารย์หลังจากนี้ ขณะที่ฝั่ง อ.ตฤณ ออกมาโพสต์ข้อความของตนผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมก็งอนเป็นเหมือนกัน”
ล่าสุด อาจารย์ตฤณ โพธิ์รักษา ออกมาชี้แจงประเด็นที่เกิดขึ้น ระบุว่า “ผมขอชี้แจงดังนี้ครับ ผมได้รับเชิญให้ไปวิเคราะห์ในรายการ จึงวิเคราะห์ตามข้อมูลที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น โดยทำหน้าที่ในฐานะ ‘นักอาชญาวิทยา’ ไม่ใช่นักกฎหมายหรือทนายความ การวิเคราะห์ของผมจึงเป็นการมองผ่านมุมของสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ไม่ใช่นิติศาสตร์
ในทางอาชญาวิทยา ความชั่วร้ายไม่จำเป็นต้องหมายถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายเสมอไป ที่ภาษาละตินเรียกว่า Mala Prohibita (สิ่งที่ผิดเพราะกฎหมายห้าม) ในขณะที่การกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมเรียกว่า Mala In Se (สิ่งที่ผิดโดยตัวมันเอง) ซึ่งคำถามสำคัญคือ ในสังคมนี้ เรายังสามารถยึดถือศีลธรรมได้เพียงใด
ดังนั้น ผมจึงวิเคราะห์จากข้อมูลที่ปรากฏในรายการสดเท่านั้น ไม่ได้ตัดสินหรือกล่าวหาว่าใครกระทำผิด หากเมื่อวานได้เข้าร่วมรายการ ผมก็พร้อมจะวิเคราะห์ตามข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน
สำหรับในมุมมองส่วนตัว หากพฤติกรรมเป็นไปตามที่เล่ามา การแอบทำสิ่งใดลับหลังหุ้นส่วนถือว่า ‘ไม่โปร่งใส’ (Transparency) ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านว่า ‘เหลี่ยม’ ซึ่งในทางธุรกิจ ‘เหลี่ยม’ ไม่ได้หมายความว่าผิดกฎหมายเสมอไป แต่เป็นเรื่องของศีลธรรมและความน่าเชื่อถือ
โดยสรุป สำหรับผู้ที่รอการวิเคราะห์ กรณีนี้สะท้อนคำกล่าวที่ว่า ‘ในเวทีธุรกิจไม่มีมิตรแท้’ เพราะแต่ละฝ่ายต่างมีจุดยืนและมุมมองของตนเอง และมักเล่าในมุมที่ตัวเองดูดี พร้อมหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดของตน
บทเรียนสำคัญสำหรับทุกคน คือ การทำธุรกิจและการทำธุรกรรมทางกฎหมาย ควรมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ ไม่ควรพึ่งพาเพียงคำพูดหรือความไว้ใจ เพราะในโลกธุรกิจ ความชัดเจนและเอกสารคือเกราะป้องกันปัญหาที่ดีที่สุด
การป้องกันย่อมมีราคาน้อยกว่าการแก้ไขเสมอ
ผมต้องขอโทษ หากทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นการกล่าวหาที่ตัวบุคคล ผมคิดว่าเหลี่ยมหมายถึงได้ทุกคน ถ้าทำตัวไม่โปร่งใส เพราะคำว่าเหลี่ยมคือคำอธิบายเชิงพฤติกรรม ใครที่ทำตัวไม่โปร่งใสก็เหลี่ยมทั้งนั้น
และที่โพสต์เรื่องงอน เพราะผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว และไม่ได้มีเรื่องเคืองใจ ผมโพสต์ตบมุกเพราะทางนั้นบอกงอนผม ผมก็เลยแซวว่าผมก็งอนที่เค้าไม่ให้ผมเจอ
ขอบคุณมากครับ”



อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อ. ตฤณห์ ลั่น ผมก็งอนเหมือนกัน หลัง ออม สุชาร์ งอนไม่พร้อมให้มาโหนกระแส
- อ.ตฤณห์ แจงสาเหตุ ไม่มาโหนกระแส ออม สุชาร์ มีบางคนไม่อยากให้มา
- “ออม” ยังงอน ขอไม่เจอ “อ.ตฤณห์” ในโหนกระแส เสียใจถูกเรียกว่าคนเหลี่ยม
ติดตาม The Thaiger บน Google News: