สาเหตุ “ออม สุชาร์” ให้ “ศสา” ทำสัญญาลับ ปรับ 5 แสน ห้ามเผยข้อมูล หลังขายหุ้น 4%

“ออม สุชาร์” แจงเหตุผลทำสัญญารักษาความลับ กับ ศสา หลังขายหุ้น 4% ราคา 2.5 ล้านให้ดาราสาว เพื่อป้องกันข้อมูลธุรกิจรั่วไหล หลังพบปัญหาไฟล์งานหาย สวนทางคู่กรณีที่อ้างว่าถูกปิดปาก
วันที่ 19 กันยายน 2568 ความคืบหน้ากรณีดราม่าธุรกิจร้อยล้านของนักแสดงสาว ออม สุชาร์ มานะยิ่ง และหุ้นส่วนแบรนด์เครื่องสำนักอาง Fleen Beauty ล่าสุดได้มีการเปิดเผยถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรื่องราวบานปลายในรายการโหนกระแสวันนี้ นั่นคือสัญญารักษาความลับ (Non-Disclosure Agreement: NDA) ที่ทำขึ้นระหว่างออมและ “ศสา” หรือ “ริสา” อดีตผู้จัดการส่วนตัว
เหตุผลที่ต้องมี “สัญญาลับ”
ฝ่ายของ ออม สุชาร์ ได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่จำเป็นต้องมีสัญญารักษาความลับ ควบคู่ไปกับการซื้อขายหุ้น 4% ในราคา 2.5 ล้านบาท โดยระบุว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญทางธุรกิจรั่วไหลออกไปสู่ภายนอก
ออมและทีมงานอ้างว่า ในช่วงเวลานั้นบริษัทกำลังประสบปัญหาหลายอย่าง และกังวลเรื่องข้อมูลภายใน เช่น งบการเงิน, กลยุทธ์ทางการตลาด หรือแม้แต่มูลค่าการซื้อขายหุ้นจะหลุดออกไป
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากมีการซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้น ยังเกิดปัญหาไฟล์งานโฆษณาสินค้าหายไป ยิ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีสัญญาดังกล่าวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท โดยในสัญญาระบุค่าปรับหากมีการฝ่าฝืน ซึ่งสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่ามีมูลค่า 500,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เหตุผลดังกล่าวสวนทางกับมุมมองของฝั่ง พริม ณัฐชา และ ศสา ที่เคยให้ข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้ว่า สัญญาดังกล่าวถูกทำขึ้นเพื่อ ปิดปาก ไม่ให้ศสานำเรื่องการขายหุ้นไปแจ้งแก่พริมหรือบุคคลอื่น ซึ่งพวกเขามองว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจและนำไปสู่การฟ้องร้องในหลายคดีในเวลาต่อมา
ขณะนี้ ข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ในกระบวนการของศาล โดยมีการฟ้องร้องตอบโต้กันในหลายประเด็น ทั้งเรื่องการละเมิดสัญญาและการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทโดยมิชอบ ซึ่งสังคมยังคงต้องติดตามข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- น้องออม สุชาร์ เปิดคลิปเสียง “ศสา” โทรหา “แอมป์ พิธาน” ขอเงินเพิ่มแลกถอนตัว
- สรุปทุกปม “ออม สุชาร์” ดราม่าฮุบบริษัท 100 ล้าน สรุปดราม่า เจ้าตัวโผล่ชี้แจงโหนกระแสวันนี้
- ประวัติ “น้ำชา ชีรณัฐ ยูสานนท์” จากนักร้องเสียงดี สู่บทบาทคุณแม่
ติดตาม The Thaiger บน Google News: