
สรุปทุกประเด็น “โหนกระแส” คู่กรณี ออม สุชาร์ แจงปมฮุบกิจการ-ซื้อหุ้นซ่อนเร้น-ฟ้องร้องนัว พริม ณัฐชา และ ศศา อดีตผู้จัดการ เปิดใจครั้งแรก เล่าจุดเริ่มต้นธุรกิจ สู่จุดแตกหัก ถูกปลดจากกรรมการ ฟ้องร้องหลายคดี ปมค่าตัวพรีเซนเตอร์ 9.5 ล้านบาท
จากกรณีดราม่า ดาราฮุบกิจการ ชัดเจนแล้วว่า คำใบ้ หมายถึงออม สุชาร์ ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ศาล ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 รายการโหนกระแส ได้เชิญ คุณพริม ณัฐชา หุ้นส่วนธุรกิจ และ คุณศศา อดีตผู้จัดการส่วนตัวของ ออม สุชาร์ มาชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดในฝั่งของตน ในฐานะคู่กรณี ทางรายการระบุว่าฝั่งของออม สุชาร์ จะมาชี้แจงในวันถัดไป
จุดเริ่มต้นธุรกิจ จนสัดส่วนหุ้นเปลี่ยนไป
คุณพริมกับคุณศศารู้จักกันมาก่อน คุณศศาซึ่งขณะนั้นเป็นผู้จัดการของออม ได้ชักชวนคุณพริมให้ร่วมกันสร้างแบรนด์เครื่องสำสำอาง เสนอให้ทำร่วมกับคุณออม 3 คน ในช่วงแรกคุณพริมปฏิเสธเนื่องจากเคยมีประสบการณ์ทำธุรกิจกับดารา (คุณน้ำชา ในแบรนด์ RAD) แล้วมีปัญหาจนต้องแยกทางกัน แต่คุณศศาได้ใช้ตนเองเป็นเครื่องยืนยันในตัวคุณออม ทำให้คุณพริมตัดสินใจร่วมทุน
ในตอนแรกตกลงกันว่าจะรีแบรนด์ RAD แต่สุดท้ายได้สร้างแบรนด์ใหม่ชื่อ “Fleen” ขึ้นมาแทน ประเด็นเรื่องสัดส่วนหุ้น คุณพริมยืนยันว่าตนต้องถือหุ้นใหญ่ที่สุด แต่คุณออมก็ต้องการเช่นกัน หลังการเจรจา คุณพริมยืนกรานว่าจะไม่ทำหากไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ฝ่ายคุณออมจึงยอม แต่ต่อมาภายหลัง คุณออมได้ขอถือหุ้นเท่ากันกับคุณพริม ให้เหตุผลว่าอยากมีความเป็นเจ้าของ
คุณพริมจึงยอมเนื่องจากแบรนด์ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว และตนได้ใช้เครดิตส่วนตัวในการสั่งสต๊อกสินค้าไปก่อน สัดส่วนหุ้นในตอนแรกจึงเป็น คุณพริม 48%, คุณออม 48% และคุณศศา 4% (จากเดิมที่เคยตกลงไว้ 10%)
จุดแตกหัก การซื้อขายหุ้น 4%
คุณศศาเล่าว่า วันหนึ่งออมได้ชวนไปทานข้าวที่บ้าน ตนไม่ทราบมาก่อนว่าจะเป็นการเจรจาธุรกิจ เมื่อไปถึงก็มีบุคคลอื่นอยู่ด้วย กล่าวหาว่าคุณพริมและสามีนำเงินบริษัทไปใช้ส่วนตัว บริหารงานไม่ดีอาจทำให้บริษัทเสียหาย คุณศศาพยายามเสนอให้เรียกทุกฝ่ายมาพูดคุยกัน แต่ฝั่งคุณออมยืนยันว่าไม่ต้องการแล้ว และได้เสนอขอซื้อหุ้น 4% จากคุณศศา
คุณศศาอ้างว่า ในการเจรจามีการให้ข้อมูลว่าบริษัทกำลังขาดทุน ทำให้ตนกลัวว่าจะต้องลงทุนเพิ่ม และเมื่อขอดูงบการเงินก็ไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน สุดท้ายจึงตัดสินใจขายหุ้นไปในราคา 2.5 ล้านบาท โดยคุณศศาเชื่อว่านี่คือ “การซื้อหุ้นโดยมิชอบ” เพราะมีการปกปิดข้อมูลกำไรของบริษัท
ในรายการโหนกระแส ได้เปิดคลิป มีการถ่ายคลิปวิดีโอระหว่างการซื้อขาย ให้เซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล (NDA) หากข้อมูลรั่วไหลจะต้องถูกปรับ 500,000 บาท มีเงื่อนไขห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกคุณพริม การซื้อขายครั้งนี้ทำให้สัดส่วนหุ้นเปลี่ยนเป็น คุณออม 52% และคุณพริม 48%
เกิดอะไรขึ้นหลัง ออม สุชาร์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
คุณพริมกล่าว อ้างว่าตนไม่ทราบเรื่องการซื้อขายหุ้นนานถึง 3-4 เดือน มารู้อีกครั้งในที่ประชุม เมื่อออมแจ้งว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งเรื่องต่างๆ ให้คุณศศาทราบอีกต่อไปเพราะได้ซื้อหุ้นมาแล้ว เมื่อมีเสียงข้างมากในบริษัท ออมก็ได้มีการจัดประชุมเพื่อ ปลดคุณพริมออกจากการเป็นกรรมการ แล้วแต่งตั้งคนในครอบครัวเข้ามาแทน
คุณพริมอ้างว่าตนถูกตัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของบริษัทโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นระบบหลังบ้าน โซเชียลมีเดียที่ตนสร้างขึ้นมา ถูกบล็อกไม่ให้เห็นความเคลื่อนไหวของเพจ ไม่ได้รับเงินเดือนและเงินปันผล รวมถึงไม่เคยได้รับเชิญให้ไปร่วมงานอีเวนต์ของแบรนด์เลย
สารพัดการฟ้องร้อง ประเด็นค่าตัวพรีเซนเตอร์ 9.5 ล้านบาท
จากกราม่าเรื่องซื้อขายหุ้นและปลดออกจากบริษัท นำไปสู่การฟ้องร้องหลายคดี คือ ออม ฟ้อง คุณศศา ข้อหาละเมิดสัญญาเก็บความลับ 5.5 ล้านบาท และข้อหาทำให้ถือครองหุ้นโดยไม่ปกติสุข 5 ล้านบาท ศศา จึงฟ้องกลับ ออม ข้อหาซื้อหุ้นไปโดยฉ้อฉลและปกปิดข้อมูล พริม ฟ้อง ออม เรื่องนำหุ้น 4% มาใช้ในการประชุมเพื่อเปลี่ยนแปลงกรรมการโดยไม่ถูกต้อง และออม ฟ้อง พริม ข้อหาทำธุรกิจค้าแข่ง เนื่องจากคุณพริมยังมีชื่อในแบรนด์ RAD
คุณพริมเปิดเผยว่า หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการแล้ว ที่ประชุมได้มีการ โหวตจ้างคุณออมเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ เป็นมูลค่า 9.5 ล้านบาท ซึ่งคุณพริมได้คัดค้าน เพราะว่าข้อตกลงแรกเริ่มคือจะไม่จ่ายค่าตัวให้หุ้นส่วน เพราะทุกคนมีมูลค่าในตัวเองอยู่แล้ว
คุณพริมย้ำว่า ตนยินดีที่จะขายหุ้น แต่ต้องการให้มีบริษัทกลางเข้ามาประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทเพื่อความยุติธรรม แต่ข้อเสนอที่ได้รับคือให้รับเงิน 10 ล้านบาทแล้วจบเรื่องไป ซึ่งตนมองว่าไม่เป็นธรรมเพราะไม่ได้รับรู้ข้อมูลหลังบ้านของบริษัทเลย
คำชี้แจงจากฝั่ง แอมป์ พิธาน
ช่วงท้ายรายการ หนุ่ม กรรชัย ได้ต่อสายถึง แอมป์ พิธาน แฟนหนุ่มของออม เพื่อชี้แจง ยืนยันว่าไม่ได้มีการบอกว่าบริษัทขาดทุนตอนซื้อหุ้นคุณศศา ค่าพรีเซนเตอร์ 9.5 ล้านบาทเป็นเพียงการอนุมัติแต่ยังไม่มีการจ่ายเงินจริง ฝ่ายตนพยายามพูดคุยด้วยดีแล้วแต่คุณพริมไปโจมตีในโซเชียลมีเดียก่อน จนเกิดเป็นคดีความ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: