ฮุน มาเนต ร่อนจดหมาย ฟ้องผู้นำโลก อ้างไทยจะใช้กำลังยึดอีก 17 พื้นที่

ฮุน มาเนต ร่อนจดหมาย ฟ้องผู้นำโลก หลังจากที่ คฝ. ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายการชุมนุม อ้างไทยจะใช้กำลังยึดอีก 17 พื้นที่
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) จ.สระแก้ว และกองกำลังบูรพา ได้เข้าตรึงกำลังในพื้นที่เพื่อป้องกันอธิปไตย และยิงกระสุนยางและใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมเขมรขว้างปาสิ่งของ ทั้งก้อนหินและท่อนไม้ ใส่เจ้าหน้าที่ไทย ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุดทางเขมรได้ออกจดหมายถึงผู้นำโลก ตั้งแต่ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียนคนปัจจุบัน, สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน, โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ, เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นต้น
โดยในจดหมายระบุว่า ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แจ้งต่อบรรดาผู้นำโลกถึงลำดับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การขยายขอบเขตและขนาดของเขตความขัดแย้งออกไปเกินกว่าพื้นที่เดิมในจังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัย และความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดให้มีการเคารพอย่างเต็มที่ต่อข้อตกลงหยุดยิงและเงื่อนไขที่ได้บรรลุในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) เมื่อเร็ว ๆ นี้
ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม กองทัพไทย ได้ขยายพื้นที่ขัดแย้งด้วยการวางลวดหนามและรั้วกั้น ยื่นคำขาด และบังคับขับไล่พลเรือนชาวกัมพูชา จากพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยมานาน ในหมู่บ้านจอกเจย และหมู่บ้านเปรยจัน ของจังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา
25 ครัวเรือนถูกขัดขวางจากบ้านและพื้นที่ของเขา และโฆษกกองทัพไทยขู่ที่จะขับไล่ประชาชนเขมรอีกในอนาคตอันใกล้ ซึ่งอาจจะกระทบประชาชนอีกหลายร้อยครัวเรือน นอกจากนี้อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ กองทัพไทยจะใช้กำลังยึดอีก 17 พื้นที่ ในจังหวัดตั้งแต่โพธิสัตว์ถึงเกาะกง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา
การดำเนินการฝ่ายเดียวที่ดำเนินการโดยกองทัพไทยนั้นเป็นไปตามแผนที่ที่จัดทำขึ้นฝ่ายเดียว ซึ่งขัดกับแผนที่ที่ตกลงร่วมกันซึ่งเป็นผลมาจากการแบ่งเขตผลงานของคณะกรรมการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยาม ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ระหว่างฝรั่งเศสและสยาม ได้รับการรับรองโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และได้รับการยืนยันอีกครั้งโดยกัมพูชาและไทยในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบก ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2000 (บันทึกความเข้าใจ 2000) บันทึกความเข้าใจ 2000 ฉบับนี้ได้รับการจดทะเบียน ณ องค์การสหประชาชาติโดยประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 และได้รับการตีพิมพ์ในชุดสนธิสัญญาสหประชาชาติ
การกระทำฝ่ายเดียวของไทยเหล่านี้ถือเป็นความพยายามในการกำหนดเขตแดนฝ่ายเดียวโดยใช้กำลัง ซึ่งถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ 2000 คำสั่งของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) และพันธกรณีที่บันทึกไว้ในการประชุม GBC และคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) เมื่อเร็วกๆ นี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ดำเนินการยั่วยุที่อาจเพิ่มความตึงเครียด หรือขยายขอบเขตและขนาดของข้อพิพาท
มาตรการฝ่ายเดียวเหล่านี้ รวมถึงการบังคับใช้กฎอัยการศึกนอกอาณาเขตของไทย ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาอย่างไม่อาจยอมรับได้ และเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ การกระทำฝ่ายเดียวเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้าอย่างรุนแรงอีกด้วย
ด้วยจิตวิญญาณแห่งความต้องการลดระดับความตึงเครียดและความเป็นแกนกลางของอาเซียน นายกฯ ฮุน มาเนต แสวงหาการสนับสนุนจากผู้นำโลกทุกคนผ่านทางสำนักงานของพวกเขาเพื่อสร้างประเด็นดังนี้
- ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงและข้อตกลงที่บรรลุระหว่างการประชุม GBC และ RBC อย่างเคร่งครัด รวมถึงการยุติการดำเนินการฝ่ายเดียวทั้งหมดโดยทันที ซึ่งอาจทำให้เกิดความตึงเครียดและความขัดแย้งขยายวงกว้างขึ้น
- งดเว้นการใช้กำลังต่อประชาชนและทรัพย์สินของพลเรือน
- การยุติการขับไล่ตามแผนทั้งหมด และการอำนวยความสะดวกให้พลเรือน
- ชาวกัมพูชาที่ถูกขับไล่ออกไปแล้วสามารถกลับบ้านและที่ดินของตนได้อย่างปลอดภัย
- การใช้กรอบงาน JBC และ GBC ในการแก้ไขปัญหาชายแดนโดยผ่านการเจรจาและการสนทนาอย่างสันติ แทนที่จะใช้วิธีการทางทหาร
- การปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นายที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทยโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
นายก ฮุน มาเนต ย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของกัมพูชาในการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติโดยสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน และจะทำงานร่วมกับไทยและอาเซียนเพื่อรักษาเสถียรภาพ ส่งเสริมความร่วมมือ และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กต. ออกแถลง ย้ำอดทนอดกลั้นมาตลอด ขอให้เขมรหยุดยั่วยุ-ปลุกระดม
- ด่วน! คฝ.ยิงแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง สกัดม็อบเขมร ใช้โล่มนุษย์ รื้อลวดหนาม
- ยังไม่จบ! กลุ่มวัยรุ่นเขมร ปาก้อนหิน-ท่อนไม้ ใส่เจ้าหน้าที่ไทย จนบาดเจ็บ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: