ข่าวการเมือง

“เทพไท” แฉ “ตลาดนัด สส.” เริ่มแล้ว เคาะราคาซื้อตัว-ย้ายพรรค พุ่งสุด 80 ล้าน

“เทพไท เสนพงศ์” วิเคราะห์การเมืองยุคไร้เสถียรภาพ ฟันธงรัฐบาลอนุทิน เป็นเสียงข้างน้อยอยู่ได้แค่ 4 เดือน แฉตลาดนัด สส. เริ่มเคาะราคา เกรด A พุ่ง 80 ล้าน

17 กันยายน 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความและคลิปวิดีโอบนเฟซบุ๊ก วิเคราะห์การเมืองในหัวข้อ “ยุคการเมืองไร้เสถียรภาพ” โดยชี้ว่ารัฐบาลอนุทินซึ่งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้น ไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองอย่างแน่นอน

“ผมทราบข่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว น่าจะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในเร็ว ๆ นี้ เชื่อว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้ จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองอย่างแน่นอน

การได้ตกลงกันใน MOA กับพรรคประชาชน ว่าจะมีการยุบสภาภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่หลังจากได้แถลงนโยบายต่อสมาชิกรัฐสภาแล้ว จากนั้นคงจะนับถอยหลังไปสู่การยุบสภา รัฐบาลคงจะทำอะไรได้ไม่มากนัก เพราะเวลาจำกัด นโยบายหลัก ๆ ก็ไม่สามารถจะวางรากฐานอะไรได้ ทุกฝ่ายก็เตรียมตัวเพื่อไปสู่สนามเลือกตั้ง

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช กำลังแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
ภาพจาก: FB/ เทพไท – คุยการเมือง

การเมืองในภาพรวมยิ่งไม่มีเสถียรภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายนิติบัญญัติ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถ้านับองค์ประชุมเมื่อไหร่ ก็เป็นอันว่าสภาล่มเมื่อนั้น เพราะรัฐบาลไม่สามารถรักษาองค์ประชุมได้ เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก จึงอยู่ที่ฝ่ายค้าน คือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ถ้าหากทั้ง 2 พรรคนี้ไม่ร่วมมือกับรัฐบาลในการอยู่เพื่อเป็นองค์ประชุม ก็ไม่สามารถที่ประชุมต่อได้

พวกส.ส.ทุกคนต่างใจจดใจจ่ออยู่กับการเลือกตั้งที่จะมาถึงภายใน 4 เดือนข้างหน้า ซึ่งมี ส.ส.หลายคนเคลื่อนไหวต้องการเปลี่ยนพรรคการเมือง หรือคิดจะย้ายพรรคกัน จนมีการพูดกันว่า ตลาดนัดส.ส.เริ่มเกิดขึ้นแล้ว เหมือนกับตลาดนัดวัวควายของเกษตรกร มีพรรคการเมืองหลายพรรค ซื้อตัว ส.ส.กันแล้ว โดยเฉพาะ ส.ส.เกรด A ราคาค่าตัวคนละ 80 ล้านบาท เกรด B ราคาคนละ 50 ล้านบาท เกรด C ราคาคนละ 30 ล้านบาท

ซึ่งทำให้ส.ส.หลายคนพร้อมที่จะย้ายพรรค ทำให้การเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ มีการต่อสู้กันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ทุนหรือใช้กระสุน เพื่อต้องการให้ตัวเองกลับเข้ามาเป็นส.ส.อีกครั้งหนึ่ง จะเป็นการวัดกันระหว่างกระแสกับกระสุนใครจะแน่กว่ากัน ฝ่ายที่สร้างกระแสก็สร้างกันไป ขายจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง เป็นแนวทางการหาเสียงในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งใช้ทุนอย่างมหาศาล เพื่อซื้อเสียง ซึ่งเป็นวงจรอุบาทว์ของการเมืองเมืองไทยอย่างไม่จบสิ้น

การจะแก้ไขปัญหาการเมืองเหล่านี้ได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ประชาชน ซึ่งประชาชนเท่านั้น จะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของประเทศ”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Suriyen J.

นักเขียนบทความข่าว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาปรัชญาและศาสนา มีประสบการณ์กับสำนักข่าวระดับประเทศ ชื่นชอบด้านสังคม การเมือง ต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างคุณค่าผ่านงานเขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ครบทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button