ข่าวต่างประเทศ

สาวใหญ่แทงคอเพื่อนดับคาห้อง สยองเฝ้าศพ 11 วัน ลูกเหยื่อใจสลาย เหมือนตายทั้งเป็น

ศาลสั่งขัง ‘เจเน็ต คอนเนอร์’ แทงคอเพื่อนดับคาห้อง สุดสยอง อาศัยอยู่กับศพนาน 11 วัน พบเหยื่อเคยโทรแจ้งตำรวจแต่ไร้ผล ลูกเหยื่อเผยความรู้สึกสะเทือนใจ

ย้อนคดีสะเทือนใจ ศาลเมืองเพรสตันมีคำสั่งให้ เจเน็ต คอนเนอร์ วัย 54 ปี เข้ารับการบำบัดในสถานพยาบาลอย่างไม่มีกำหนด หลังจากที่เธอยอมรับสารภาพในข้อหาฆ่า โซอี้ คราวเธอร์ ผู้ซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นเพื่อน สิ่งที่ทำให้หลายคนตกใจคือ ฆาตกรใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับร่างของผู้ตายในแฟลตนานถึง 11 วัน

เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 3 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่โซอี้ถูกฆาตกรรม แต่เรื่องราวมาถูกเปิดเผยในอีก 11 วันต่อมา ย้อนกลับไปในวันที่ 14 มกราคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาจากแฟลตชั้นล่าง เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงและเคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงตัดสินใจปีนเข้าทางหน้าต่างห้องครัวที่เปิดอยู่

เมื่อเข้าไปข้างใน เจ้าหน้าที่ได้พบกับ เจเน็ต คอนเนอร์ หลังเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นก็ได้พบร่างของโซอี้ ทันใดนั้นเองเธอก็สารภาพออกมาโดยที่ไม่มีใครซักถามว่า “ฉันมีเรื่องต้องบอก ฉันทำสิ่งเลวร้าย ฉันฆ่าเธอเอง” เธอยอมรับว่าร่างของโซอี้อยู่ในแฟลตมานานหนึ่งสัปดาห์แล้ว และรู้สึกดีใจที่ตำรวจมา

ผลการชันสูตรพลิกศพพบว่า โซอี้เสียชีวิตจากการถูกแทงที่ลำคอ โดยแพทย์พบแผลถูกแทงหลายแห่งทั้งที่ศีรษะและลำคอ

จากการสืบสวนพบว่า ในวันที่ 3 มกราคม ก่อนที่โซอี้จะเสียชีวิต เธอพยายามโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือหลายครั้ง ในครั้งแรกเธอโทรหาเพื่อน โซอี้บอกว่าคอนเนอร์กำลังทุบตีเธอ ซึ่งพวกเธอกำลังทะเลาะกันเรื่องโทรทัศน์ ต่อมา โทรหาเพื่อนครั้งที่ 2 ในอีก 11 นาทีต่อมา เพื่อนคนเดิมได้ยินเสียงการต่อสู้และเสียงของโซอี้ที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ

นอกจากนี้ เธอยังโทรหาตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ ทางสำนักงานตำรวจได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบการปฏิบัติงานของตำรวจ (IOPC) ทำการสอบสวนแล้ว

โซอี โครว์เธอร์ เหยื่อถูกหญิงป่วยจิตแทงดับ
ภาพจาก : Hyndburn Police

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ทิ้งบาดแผลที่ไม่อาจรักษาหายไว้ให้กับครอบครัวของโซอี้ โดยเฉพาะลูก ๆ ทั้งสามของเธอ ในระหว่างการพิจารณาคดี ได้มีการอ่านคำให้การจากครอบครัวของโซอี้ โดย เกล็น ลูกชายของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า “ตอนที่ผมรู้เรื่องแม่ มันเหมือนฝันกลางวัน มันไม่จริง ผมสูญเสียความเป็นตัวเอง ไม่รู้ว่าจะรับมือกับชีวิตประจำวันยังไง และต้องหยุดทำงาน ผมพยายามจะไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ แต่ใจผมก็ยังวนกลับไปที่ความคิดเดิม ๆ ไม่หยุดหย่อน การนอนคือวิธีเดียวที่ผมใช้เพื่อหนีจากภาพและความคิดเหล่านั้น”

ขณะที่ แกบบี้ ลูกสาว เผยอย่างเจ็บปวดว่า “ชีวิตทั้งชีวิตของฉันเปลี่ยนไปตั้งแต่เดือนมกราคม ตั้งแต่วันนั้น ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าในร่างกายของตัวเอง เจเน็ต คอนเนอร์ ไม่เพียงแต่พรากชีวิตแม่ไป แต่เธอยังพรากชิ้นส่วนของฉันไปด้วย ฉันเห็นใบหน้าของแม่และได้ยินเสียงของเธอตลอดเวลา ฉันรู้สึกผิดที่ตัวเองน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้เพื่อช่วยแม่”

“ฉันไม่มีคำไหนมาอธิบายความรู้สึกได้ การที่แม่ถูกพรากไปจากเราด้วยวิธีนี้ มันทำให้ใจฉันแหลกสลาย ฉันถูกปล้นโอกาสที่จะมีอนาคตและความสัมพันธ์ที่ดีกับแม่ไปตลอดกาล ฉันยังคงฝันร้ายว่าแม่คงจะหวาดกลัวและโดดเดี่ยวแค่ไหนในวินาทีนั้น ฉันนอนไม่หลับหากไม่ใช้ยา” ซัมเมอร์ ลูกสาวอีกคนกล่าว

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวน แอนดี้ ฟอลโลว์ส กล่าวปิดท้ายว่า “วันนี้ถือเป็นการสิ้นสุดการสืบสวนคดีฆาตกรรมที่น่าสยดสยอง ผมขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของโซอี้ โดยเฉพาะลูก ๆ ของเธอ ผู้ได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้งจากการที่ชีวิตของแม่ต้องจบลงอย่างโหดร้ายและก่อนเวลาอันควร”

ข้อมูลจาก : news.lancashire และ Hyndburn Police

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

sukanlaya s.

นักเขียนบทความ SEO ประจำเว็บไซต์ The Thaiger จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชี่ยวชาญงานเขียนประเภท ข่าวกระแสสังคม และบทความไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น รีวิวที่เที่ยว เทรนด์แฟชั่นและความงาม พร้อมแนะนำกระแสมาแรง ทันเหตุการณ์ ช่องทางติดต่อ ying@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button