“โนเบล” ไม่สนแรงกดดัน หลัง “ทรัมป์” วิ่งเต้นคว้ารางวัลสันติภาพ ยันไม่มีผลต่อการตัดสินใจ

คณะกรรมการโนเบล ยืนยัน ความพยายามของ “ทรัมป์” เพื่อให้ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพนั้น ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการ
คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ ได้ออกมาตอกย้ำถึงความเป็นอิสระขององค์กร โดยยืนยันว่าความพยายามในการวิ่งเต้นล็อบบี้อย่างเข้มข้นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ตนเองได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพอันทรงเกียรติที่จะประกาศผลในเดือนตุลาคมนี้ จะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการแต่อย่างใด
ทรัมป์หาเสียงหนักอ้าง “สมควรได้รับรางวัล”
นับตั้งแต่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความปรารถนาที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ โดยมักจะกล่าวอ้างว่าตนเอง “สมควรได้รับมัน” จากการที่ได้ยุติสงครามไปแล้วถึง 6 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงการเสนอชื่อจากผู้นำต่างชาติหลายคน และมีรายงานว่าเขาได้หยิบยกประเด็นรางวัลสันติภาพขึ้นมาพูดคุยกับรัฐมนตรีคลังของนอร์เวย์ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมอีกด้วย
คณะกรรมการโนเบลตอกกลับ แรงกดดันภายนอกไม่มีผล
นายคริสเตียน เบิร์ก ฮาร์ปวิเคน เลขานุการคณะกรรมการโนเบล ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AFP ที่กรุงออสโล เพื่อยืนยันหลักการทำงานของคณะกรรมการว่า “แน่นอน เราสังเกตเห็นว่าสื่อให้ความสนใจอย่างมากต่อผู้สมัครบางราย แต่สิ่งนั้นไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการหารือที่กำลังดำเนินอยู่ภายในคณะกรรมการ”
นายฮาร์ปวิเคนอธิบายว่า กระบวนการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัลนั้นขึ้นอยู่กับฐานความรู้ จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่กระแสข่าวรายวัน และคณะกรรมการได้วางโครงสร้างการทำงานเพื่อไม่ให้ได้รับอิทธิพลอย่างไม่เหมาะสมจากการรณรงค์ใด ๆ ทั้งสิ้น เขายังชี้แจงด้วยว่า การได้รับการเสนอชื่อ ไม่ใช่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะมีบุคคลหลายพันคนที่สามารถเสนอชื่อใครก็ได้เข้ามา

บทพิสูจน์ความเป็นอิสระกรณี “หลิว เสี่ยวโป”
แม้ว่าคณะกรรมการโนเบล 5 คนจะได้รับการเสนอชื่อโดยรัฐสภานอร์เวย์ แต่พวกเขายืนยันว่าการตัดสินใจเป็นอิสระจากรัฐบาลโดยสิ้นเชิง กรณีตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ การมอบรางวัลประจำปี 2553 ให้กับ นายหลิว เสี่ยวโป ผู้เห็นต่างทางการเมืองชาวจีน ซึ่งคณะกรรมการตัดสินใจมอบรางวัลให้แม้จะมีการเตือนอย่างลับ ๆ จากรัฐบาลนอร์เวย์เอง และการตัดสินใจครั้งนั้นได้ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างนอร์เวย์และจีนต้องหยุดชะงักไปนานหลายปี
ผู้เชี่ยวชาญฟันธง “ทรัมป์” แทบไม่มีโอกาส-แรงกดดันยิ่งส่งผลลบ
ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการระหว่างประเทศมองว่าความพยายามของนายทรัมป์นั้นมีแต่จะส่งผลเสีย ดร.ฮัลวาร์ด เลรา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของสถาบันกิจการระหว่างประเทศแห่งนอร์เวย์ กล่าวว่า “แรงกดดันประเภทนี้มักจะให้ผลตรงกันข้าม” และหากคณะกรรมการมอบรางวัลให้ทรัมป์ในตอนนี้ ก็จะถูกกล่าวหาว่ายอมจำนนต่อแรงกดดันและสูญเสียความเป็นอิสระ
ขณะที่นักประวัติศาสตร์โนเบล 3 คน ได้เขียนบทความแสดงความคิดเห็นอย่างรุนแรงว่า สมาชิกคณะกรรมการโนเบล “คงจะต้องเสียสติไปแล้ว” หากจะมอบรางวัลนี้ให้นายทรัมป์ โดยอ้างถึงเหตุผลหลายประการ รวมถึงการที่นายทรัมป์แสดงความชื่นชมต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย
ที่มา: THE STRAITSTIMES
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “ทรัมป์” น้อยใจ จีน ไม่เชิญร่วมสวนสนาม เหน็บปูติน-คิม สบคบคิดต้านอเมริกา
- “ฮุน มาเนต” อวย “ทรัมป์” ส่งจดหมายเสนอชิงรางวัลโนเบลสันติภาพ
- “ฮุน มาเนต” ปลื้ม โพสต์จดหมาย “ทรัมป์” ชมเป็นผู้นำที่รักสันติภาพ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: