“ชูวิทย์” สอนมวย ปชน.โหวต หนูขึ้นเป็นราชสีห์ ต่อจากนี้กำลังจะเสียค่าโง่

“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ฟาดเดือดพรรคประชาชน เหมือนเด็กลงเล่นการเมืองผู้ใหญ่ เปรียบดีลล่าสุด “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ แต่ไหงกลายเป็นบ้องกัญชา”
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยฟันธงว่า พรรคประชาชนกำลังจะต้องเสียค่าโง่ และเปรียบเสมือนเด็กที่กำลังเจอการเมืองแบบผู้ใหญ่ ภายหลังจากที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา ได้สั่นคลอนเงื่อนไขสำคัญในข้อตกลง (MOA) ที่ทำไว้กับพรรคภูมิใจไทย
นายชูวิทย์ ระบุว่า “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา ผ่านไปไม่กี่วัน คุณเท้งแห่งพรรคประชาชนก็ต้องสาละวนรีบแถลงข่าวเสียงหลงเสียแล้ว เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
“ไม่ให้ประชาชนเป็นผู้เลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยตรง“ แต่ให้อำนาจรัฐสภาเป็นผู้แก้ไขเพิ่มเติมได้ พูดจาภาษาชาวบ้าน คือ ประชาชนไม่มีสิทธิโดยตรง แต่ให้ ส.ส. และ ส.ว. เป็นผู้เลือก สสร. ชาวบ้านเขารู้กันทั้งบางว่า “ใครเป็นไอ้โม่งคุมคะแนนเสียง ส.ว. อยู่” คงมีแต่พรรคประชาชนไม่รู้อยู่พรรคเดียวมั้ง
ไหนจะต้องทำประชามติอีก 3 ครั้ง แม้ครั้งที่ 1 กับ 2 จะทำพร้อมกัน แต่เป็นช่องทางให้เห็นว่า “ไม่สามารถทำตามเงื่อนไข 4 เดือน ที่กำหนดไว้ใน MOA ได้“ คุณอนุทินพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ไม่ได้เป็นผู้ทำผิดเงื่อนไข แต่เป็นเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมา แม้คุณเท้งรีบออกตัวว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ปิดช่องให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งของประชาชน”

แล้วเดินวนเวียนขึ้นลงโพเดียมพร้อมพลพรรควอลเปเปอร์แก้ตัวเป็นพัลวัน ไม่เป็นอันทำมาหากินเรื่องเดือดร้อนของชาวบ้าน แต่คนฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เข้าใจชัดเจนว่า “ประชาชนเลือก สสร. เองไม่ได้
แท้จริงแล้วมันเสมือนเป็น ”เกมของผู้ใหญ่“ ที่รับเงื่อนไขของเด็กไว้ก่อน แล้วไล่เด็กที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวให้ไปเล่นกันที่อื่น เริ่มต้นยังไม่ทันตั้งไข่ก็วุ่นวายขนาดนี้ นี่ยังมีพรรคร่วมรัฐบาลบอกอีกว่า จะรีบทำไม่ได้ ต้องระมัดระวัง และปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล พรรคประชาชนที่ออกตัวทำเงื่อนงำ MOA ให้ดูเหมือนขงเบ้งในเรื่อง “สามก๊ก” แต่ภายหลังกลับต้องมาคร่ำครวญในใจว่า “นี่คงเป็นชะตาคราวเคราะห์ของเราเสียแล้ว”
ผมจึงเตือนนักเตือนหนาว่า พรรคประชาชนพลาดกับเงื่อนไขที่เคยพูด “พรรคไหนรับได้ ก็ได้เสียงโหวตให้เป็นนายกฯ” ช่างดูพาวเวอร์ฟูลเสียเหลือเกิน แต่ในทางปฏิบัติมีปัจจัยอื่น ที่พรรคแกนนำเอามาเป็นข้ออ้างบังหน้าได้อีกมากมาย หรือหากเล่นเกมล้ำลึกไปกว่านั้น ก็ทำทีตั้งโต๊ะกระตือรือร้นปรึกษาหารือกันทุกฝ่าย แต่ท้ายสุดลงเอยที่ว่า “มันไม่ทันเอาจริง ๆ 4 เดือน ศาลรัฐธรรมนูญท่านว่ามาแบบนี้ ไม่ปฎิบัติตามได้ไง มันผูกพันทุกองค์กร“
พูดเป็นเน็ตค้างจอเหมือนกันหมด ค่าโง่ของพรรคประชาชนจึงเริ่มโผล่มาให้เห็น สิ่งที่จะทำได้ ก็แค่รีบออกมาแก้ตัวจ้าละหวั่นรายวัน มีประโยชน์อันใดเล่า กับการตั้งเงื่อนไข และการตัดสินใจของพรรคประชาชน ที่โหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ ? นักการเมืองเขี้ยวลากดินย่อมมองออกว่า ให้รับ ๆ ไปก่อน แล้วตามน้ำไป
พรรคประชาชนเองนั่นแหละที่ต้องมาวิ่งวุ่น เล่นเกม “มอญซ่อนผ้า” อยู่แบบนี้ ถามจริง ๆ จะไปหาเรื่องเข้าตัวทำไม? ยุบสภาไปเลยง่ายกว่าเป็นไหน ๆ แต่มันช้าไปแล้วโยมเอ๋ย!
ยิ่งเวลาทอดยาวมากขึ้นเท่าไหร่ พรรคภูมิใจไทย และพรรคร่วมจะสะสมกำลังไพร่พลเสบียงกรังได้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อรอวันเลือกตั้งให้พร้อมสุด ๆ ในขณะที่คะแนนของพรรคประชาชนจะสาละวันเตี้ยลงทุกวี่ทุกวันไปกับ ”เงื่อนไข MOA“ ที่โชว์ค่าโง่ให้ประชาชนทั่วไปได้เห็น ต้องนั่งแก้เกมไปวัน ๆ เพื่อรับผิดชอบกับการกระทำที่ไปโหวตให้ “หนูขึ้นเป็นราชสีห์“
ผู้คน และการเดินทาง คือ อุดมการณ์ที่หลุดลอย เดินหลงทาง ตอนชูมือโหวตให้คุณอนุทินเป็นนายกฯ การเมืองของพรรคประชาชน จึงเป็นเกมที่คนแก่ในวงการเมืองเล่นมาตั้งแต่พวกเด็กอย่างพรรคประชาชนยังไม่เกิด ส่วนประชาชนคนทั่วไปได้แต่ร้องว่า ”ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไป ไหงกลายเป็นบ้องกัญชา” แล้วเป็นของชอบพรรคภูมิใจไทยเขาเสียด้วย”
อ่านข่าวที่เกียวข้อง
- ปชน.จี้ ภูมิใจไทย เร่งยื่นร่างแก้ รธน.สัปดาห์หน้า หากเบี้ยวเจอล้มรัฐบาล
- ก่อนเป็นดิจิตอล ฟุตปริ้นต์ “ช่อ-โรม” เหตุผล 7 ข้อ ปชน.จับมือภูมิใจไทย ขอโทษเลือกอนุทินเป็นนายกฯ
- “สมคิด” อัดยับดีล 2 พรรคใหญ่ ชี้ แก้รธน. 4 เดือน ทำไม่ได้จริง ต้องใช้งบหมื่นล้าน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: