“อิ๊งค์” ภูมิใจในตัวคุณพ่อ สร้างประวัติศาสตร์มากมายในประเทศ กำลังใจดี

อิ๊งค์ แถลงหลังทักษิณไม่รอดคดีชั้น 14 ภูมิใจในตัวคุณพ่อ สร้างประวัติศาสตร์มากมายในประเทศ ชี้วันนี้ก็สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนายกคนแรกที่ติดคุก
จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดฟังคำสั่ง ในเวลา 10.00 น. คดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 คดีบังคับโทษ นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 หรือกรณีที่นายทักษิณ นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลชั้น 14 โดยศาลฎีกาฯ ได้ทำการไต่สวนพยานมาเป็นเวลา 7 นัดเพื่อหาข้อเท็จจริงในการบังคับโทษคดีถึงที่สุดกับนายทักษิณ
โดย ศาลฎีกาฯ สั่งบังคับโทษจำคุก 1 ปี คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ต้องกลับเข้ารับโทษในเรือนจำใหม่ โดยให้ส่งตัวเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและลูกสาวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ทางครอบครัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีการอภัยโทษให้คุณพ่อเหลือ 1 ปี ซึ่งพวกเราทั้งครอบครัวก็สำนักในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้
เรารู้สึกในเรื่องนี้ทุกๆวัน ต้องขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจและความห่วงใยมาให้คุณพ่อ อย่างไรก็ตามท่านทักษิณเองก็ยังเป็นผู้นำในทางจิตวิญญาณในเรื่องของในเรื่องการเมืองที่ผ่านมา ผลงานต่างๆที่ผ่านมา ท่านเป็นคนที่นึกถึงบ้านเมืองเสมอ ตั้งใจจริงในการเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ชีวิตประชาชนกินดีอยู่ดี ตอนนี้ตัวดิฉันก็มีความเป็นห่วงคุณพ่อ แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่คุณพ่อสร้างประวัติศาสตร์มากมายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่มีประโยชน์อย่างมากในประเทศ
ในวันนี้ก็เป็นประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่ง ที่มีนายกคนแรกที่จะต้องจำคุก เรื่องนี้ก็อาจจะค่อนข้างหนักนิดนึง แต่ว่ากำลังใจดีทั้งคุณพ่อและครอบครัว ในส่วนตัวของดิฉันและพรรคเพื่อไทย มุ่งหน้าทำงานต่อเพื่อฝ่ายค้านและทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนตรวจสอบรัฐบาลต่อไป ในส่วนของพรรคทุกคนมีกำลังใจที่ดี ขอบคุณทุกภาคส่วน ประชาชนทุกคนที่ให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างกันตลอดมา ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ด่วน! “ทักษิณ” ไม่รอดคดีชั้น 14 คุก 1 ปี ส่งตัวเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที
- ประวัติศาสตร์ ทักษิณ นายกคนแรกติดคุก 1 ปี “แพทองธาร” ย้ำกำลังใจยังดี
- “อิ๊งค์-เอม” โพสต์ไอจีให้กำลังใจ “ทักษิณ” ชี้ชะตาคดีโรงพยาบาลตำรวจวันนี้
ติดตาม The Thaiger บน Google News: