ข่าวดาราบันเทิง

เปิดใจ ตู่ นันทิดา เหตุ 2 ปีไม่เผาร่าง “เอ๋ ชนม์สวัสดิ์” เพลง ชนม์ทิดา เล่านาที พ่อส่งข้อความสุดท้าย

เปิดใจ “ตู่ นันทิดา” ควง “เพลง ชนม์ทิดา” เล่านาที “เอ๋ ชนม์สวัสดิ์” จากไป เผยเหตุผลเก็บร่างนานกว่า 2 ปี

ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย กลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง หลังจากครบวาระ 4 ปี ในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุดได้ควงลูกสาว เพลง ชนม์ทิดา อัศวเหม มาเปิดใจเป็นครั้งแรกถึงสาเหตุการจากไปของ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม การตัดสินใจเก็บรักษาร่างไว้นานกว่า 2 ปี ผ่านรายการ “คุยแซ่บshow” ช่องวัน 31

ตู่ นันทิดา ยืนยันว่าการยุติบทบาททางการเมืองเป็นการหมดวาระตามปกติ หลังจากทำงานรับใช้ประชาชนมาครบ 4 ปีเต็ม ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย เป็นงานที่มีความสุขและทำอย่างเต็มที่ ตอนนี้กลับมารับงานร้องเพลงซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาตลอดชีวิตแล้ว พร้อมเล่าถึงประสบการณ์น่ารักๆ ระหว่างทำงานการเมืองว่าเคยมีชาวบ้านทักทายผิดตำแหน่ง สร้างความเฮฮา แต่ทุกคนก็ให้อภัยและน่ารักกับเธอเสมอ

ด้าน เพลง ชนม์ทิดา ล่าสุดได้รับรางวัลลูกกตัญญู กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเป็นในวันนี้ล้วนมาจากคุณแม่ที่เป็นแบบอย่างในการเป็นลูกกตัญญู เห็นการกระทำของคุณแม่ ไม่ใช่แค่การสอนเพียงอย่างเดียว จึงรู้สึกว่ารางวัลที่ได้รับนี้สะท้อนกลับไปถึงคุณแม่และคุณยาย

ธุรกิจที่ได้แรงบันดาลใจจาก “พ่อเอ๋” ความคิดถึงวงการบันเทิง

ปัจจุบัน เพลง ชนม์ทิดา ผันตัวไปทำธุรกิจหลายอย่าง เริ่มจากเสื้อผ้ารักษ์โลกที่สะท้อนความเป็นตัวเองตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ใช้เส้นใยธรรมชาติจากวัตถุดิบในประเทศไทย ไม่ผ่านสารเคมี นำเสื้อผ้าเก่ามาฉีกเป็นเส้นใยแล้วทอขึ้นใหม่โดยไม่ฟอกย้อม เพื่อลดปริมาณขยะ

อีกหนึ่งธุรกิจคือศูนย์ดูแลรถยนต์ครบวงจร ที่เกิดจากความคิดถึงพ่อเอ๋ ชนม์สวัสดิ์ ตั้งแต่การขายไปจนถึงการบริการ และกำลังจะเปิดตัว “Car Hotel” แนวคิดนี้มาจากความรักและความเข้าใจในวิธีการดูแลรถของพ่อ จึงนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจนี้ขึ้นมา

สำหรับงานในวงการบันเทิง เพลงยอมรับว่าคิดถึงมาก โดยเฉพาะละครเวทีที่เธอรักที่สุด หลังจากห่างหายจากงานละครไปนานกว่า 7 ปี เพลงไม่ได้ปิดโอกาสตัวเอง พร้อมกลับมารับงานหากมีบทบาทที่เหมาะสม ส่วนการร้องเพลงคู่กับคุณแม่นั้น เธอยอมรับว่ารู้สึกเกร็งและทำตัวไม่ถูก เพราะการร้องเพลงคือการเป็นตัวเองในฐานะ “เพลงลูกแม่ตู่” แต่ถ้าเป็นการแสดงละครเวที เธอสามารถละลายพฤติกรรมของตัวเองและสวมบทบาทเป็นตัวละครนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่

ความผูกพันในครอบครัว เหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ตู่ นันทิดา เล่าถึงความสัมพันธ์แม่ลูกว่าเคยตีเพลงเพียงครั้งเดียวในชีวิต ตอนที่เพลงอยู่ชั้นประถมและทำชิปแลกของมูลค่าสูงหาย แล้วพูดคำว่า “ชิป หาย” ซึ่งเป็นการนำสองคำมารวมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ทำให้เธอโดนตี ซึ่งหลังจากนั้นตู่ก็ได้เข้ามากอดและขอโทษลูก เพราะเป็นครั้งแรกที่ตีลูกจริงๆ

ตู่ยังได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกือบทำให้เธอเสียชีวิต เพราะความรักสะอาดของตัวเอง ตู่ชอบตรวจความเรียบร้อยในบ้านตอนดึกๆ คืนหนึ่งได้หยิบขวดน้ำยารีดผ้าซึ่งวางอยู่ใกล้กับขวดน้ำดื่มมาดื่มโดยไม่ตั้งใจ เมื่อรู้ว่ารสชาติผิดปกติ สิ่งแรกที่ทำคือวิ่งไปหาลูกสาวในห้องทันที

เพลงเล่าเสริมว่า คุณแม่เปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางเหมือนคนทำผิด บอกว่าดื่มน้ำยารีดผ้าเข้าไป เพลงเผยว่าเธอโชคดีมากที่มีคุณแม่ที่สามารถพูดคุยปรึกษาได้ทุกเรื่อง คุณแม่จะเป็นผู้ฟังที่ดีและไม่เคยตัดสิน ทำให้เธอมีพื้นที่ปลอดภัยในการระบายความรู้สึกหรือขอคำแนะนำเสมอ

การปรึกษาคุณพ่อจะแตกต่างออกไป คุณพ่อจะให้คำปรึกษาที่สั้นกระชับกว่าคุณแม่ที่สามารถคุยต่อได้เป็นชั่วโมง แต่ก็สามารถปรึกษาได้ทุกเรื่องเช่นกัน ตู่ยังเล่าถึงความหวงลูกสาวของเอ๋ว่า ตอนเพลงอายุ 15 ปี เอ๋เคยบอกว่าไม่อยากให้ลูกแต่งงาน และย้ำความคิดนี้มาตลอด แม้ลูกจะโตขึ้น โดยบอกว่าจะเลี้ยงลูกสาวเอง

นาทีช็อกกับการสูญเสีย “พ่อเอ๋”

ทั้งคู่ได้ย้อนเล่าถึงวันที่ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ จากไปอย่างกะทันหัน เพลงเล่าว่าได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าคุณพ่อมีอาการฮีทสโตรก กำลังอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนแรกคิดว่าคงเป็นแค่ลมแดดธรรมดา แต่เมื่อโทรกลับไปอีกครั้งจึงทราบว่ากำลังมีการปั๊มหัวใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เพราะเพิ่งคุยกับคุณพ่อผ่านข้อความไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น

เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่เอ๋ไปซ้อมขับรถที่สนามบุรีรัมย์ เขาตั้งใจจะขับเพียง 2-3 รอบเพื่อทดสอบรถที่เพิ่งจูนเครื่องมาใหม่ จึงไม่ได้สวม “คลูสูท” ซึ่งเป็นชุดระบายความร้อน ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้รู้สึกไม่ดีและมองไม่เห็น จึงขับรถออกมาจากสนามและกำลังจะไปโรงพยาบาล แต่ก็หมดสติไปก่อน

เพลงเล่าถึงการเดินทางที่ยาวนานที่สุดในชีวิต เธอโชคดีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ขับเครื่องบินส่วนตัวพาไปหาพ่อเอ๋ที่บุรีรัมย์ให้เร็วที่สุด แต่ตลอดการเดินทางเธอนั่งหลับตาและภาวนาขอให้ไปทันเวลา

ข้อความสุดท้ายที่พ่อเอ๋ส่งหาเธอและแม่ตู่คือ “เพลงกับคุณแม่คือความภาคภูมิใจของพ่อ” ซึ่งเพลงพิมพ์ตอบกลับไปแต่คุณพ่อไม่ได้อ่านเพราะกำลังจะลงไปขับรถพอดี เพลงบอกว่าทุกครั้งที่ท้อ มักจะย้อนกลับไปอ่านคำพูดสุดท้ายของพ่อเป็นกำลังใจ

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เพลงได้แต่พูดกับคุณพ่อว่าไม่ต้องรีบ หากร่างกายยังไหวก็ขอให้ค่อยๆ กลับมา เธอนั่งเฝ้ามองจอมอนิเตอร์ชีพจรและรอคอยปาฏิหาริย์ แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นคนตัดสินใจเซ็นเอกสารถอดเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เพลงได้บอกกับคุณพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง จะทำทุกอย่างที่พ่อเคยทำให้ดีที่สุด ได้นำมือของคุณพ่อมาวางบนศีรษะ เพื่อเป็นสติปัญญาและให้พ่ออยู่กับเธอตลอดไป

หลังจากนำร่างคุณพ่อกลับมากรุงเทพฯ เพลงเล่าว่าเธอเพิ่งเข้าใจคำว่า “ช็อก” อย่างแท้จริง ร่างกายสั่นไม่หยุด กรามเกร็ง ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกหนาว ซึ่งเป็นอาการตกใจสุดขีด

เหตุผลที่ยังคงเก็บร่าง “พ่อเอ๋” ไว้ที่บ้าน

ผ่านมา 2 ปี 5 เดือนแล้ว ครอบครัวยังคงเก็บรักษาร่างของเอ๋ไว้ที่บ้าน เพลงอธิบายว่านี่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล คุณพ่อเป็นศูนย์รวมความรักของทุกคนในบ้าน เธอเชื่อว่าหากคุณพ่อเป็นดวงจิต ท่านสามารถไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะไปสู่ภพภูมิที่ดีหรือไปเกิดใหม่ แต่ “ร่าง” ที่นอนอยู่ เปรียบเสมือนหัวใจของเธอ

การดูแลรักษาร่างกายให้อยู่ในอุณหภูมิที่ควบคุมนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับครอบครัว สิ่งนี้เป็นพลังใจสำคัญ เมื่อใดที่ท้อ ก็ยังอยากได้รับพลังจากคุณพ่อเพื่อเป็นกำลังใจในการเดินหน้าต่อไป เพลงยืนยันว่าไม่ใช่การยึดติดหรือไม่ยอมปล่อย แต่เป็นการขอเวลาทำใจ เมื่อถึงวาระที่เหมาะสม การตัดสินใจก็จะเกิดขึ้นเอง

ตู่ นันทิดา มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน มองว่านี่คือความเชื่อมั่นและความรักที่รวมกันอยู่ตรงนี้ เป็นกำลังใจให้พวกเธอในตอนนี้ เธอเคยปรึกษาเกจิอาจารย์ซึ่งท่านบอกว่าไม่ใช่เรื่องผิด ยกตัวอย่างน้องชายของท่านเองที่เก็บร่างไว้ถึง 12 ปี เพราะโยมแม่ยังไม่พร้อม นอกจากนี้เพื่อนๆ ของเอ๋ก็ยังแวะเวียนมาหา มานั่งคุยและเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟัง กลายเป็นพื้นที่แห่งความทรงจำ

3 ครั้งเฉียดตายของ “ตู่ นันทิดา”

เพลงเผยว่าเธอเป็นห่วงคุณแม่มาก เพราะเคยผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกคือการผ่าตัดเนื้องอก ซึ่งเธอต้องขึ้นแสดงคอนเสิร์ตเคาท์ดาวน์หลังผ่าตัดได้ไม่นาน ทำให้แผลปริและเลือดไหลกลางงาน ต้องให้แพทย์ทำแผลฉุกเฉินหลังเวทีแล้วกลับไปร้องเพลงต่อ

ครั้งที่ 2 คืออุบัติเหตุกลางเวทีละครเวที ถูกนักแสดงร่วมฉากชนเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจนได้ยินเสียงกระดูกดัง “ก๊อก” และเกิดอาการชาไปทั้งตัว ขาเดินไม่ได้ แต่เธอก็อดทนแสดงจนจบซีน ผลตรวจคือกระดูกคอร้าวทับเส้นประสาท ซึ่งแพทย์บอกว่าโชคดีมากที่ไม่เป็นอัมพฤกษ์ เธอต้องทำกายภาพบำบัดทุกวันและยังคงแสดงต่อไปอีกหลายรอบจนผู้จัดต้องมาขอให้หยุดพัก

ครั้งที่สามคืออาการปวดท้องรุนแรงต่อเนื่องเป็นปีจนตัวเขียว ซึ่งสุดท้ายพบว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดีที่ร้ายแรงจนอาจทำให้เสียชีวิตได้จากอาการช็อก

ในช่วงท้าย ตู่ได้ฝากข้อความถึงลูกสาวว่าบางครั้งอยากจะขอนอนด้วย แต่ก็ไม่กล้าไปรบกวนเพราะเห็นว่าลูกทำงานเยอะ ส่วนเพลงก็ได้บอกรักคุณแม่และขอให้คุณแม่หันกลับมารักและดูแลตัวเองให้มากขึ้นเหมือนที่รักและห่วงใยคนอื่น เพราะทุกคนอยู่เพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกัน

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow วันและเวลาใหม่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30-12.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button