
มาซาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชทีมชาติไทย จวกแรง เบอร์ 10 อิรัก ไร้คลาส หลังจงใจเล่นนอกเกม เตะใส่ ชนาธิป จนเกมเดือดสองฝั่งกรูห้ามกันวุ่น ก่อนช้างศึกพ่าย 0-1 เข้าป้ายเพียงรองแชมป์คิงส์คัพครั้งที่ 51 ที่กาญจนบุรี
กำลังเป็นประเด็นร้อน สืบเนื่องจากกรณีหลังจบเกมคิงส์คัพนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งทีมชาติไทยเป็นฝ่ายแพ้ อิรัก 0-1 จากประตูชัยของโมฮานัด อาลี ในนาที 75 โดยเกมนี้ฝั่งอิรักต้องเหลือผู้เล่นในสนามแค่ 9 คน จากการที่ 2 นักเตะ ฟรานส์ ปูโตรส ทำฟาวล์ สุภโชค จนโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม
อีกรายซึ่งตอนนี้กำลังถูกแฟนๆ ช้างศึกรุมสาปหนักมาก คือ โมฮานัด อาลี เข้าสกัดแบบน่าเกลียดใส่ เจ ชนาธิป จนนักเตะไทยหลายคนไม่พอใจ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนกันจนผู้ตัดสินให้ใบแดง อาลี ออกจากสนาม
จบเกม ไทย แพ้ อิรัก 0-1 พลาดป้องกันแชมป์ได้เงินปลอบใจ 1 ล้านบาท
ขณะที่ อิรัก คว้าแชมป์คิงส์คัพเป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 2023 โดยอิรักได้ยกเลิกงานแถลงหลังจบเกมและเดินทางกลับที่พักทันที ส่วน อาลี กองหน้าวัย 25 ปีจากสโมสรดิบบา ในลีกยูเออี ไม่ได้อยู่รับเหรียญรางวัล
ด้าน มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์หลังจบเกม ตำหนิพฤติกรรมเบอร์ 10 ของอิรักไม่สมควรมาเป็นนักบอลอาชีพ
“เราไม่ได้แชมป์ในครั้งนี้สิ่งที่ต้องการจะบอกคือขอบคุณแฟนบอลที่มาเชียร์ตลอด 2 เกมที่ผ่านมา”
“ครึ่งแรกเรารับเยอะเกินไป ครึ่งหลังเราทำได้ดีขึ้น ถ้ามองถึงผลแข่งขันอาจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่รายละเอียดเกมทุกคนทำงานกันอย่างหนัก แฟนบอลที่ดูในสนามหรือทางโทรทัศน์น่าจะเห็นถึงความมุ่งมั่นของนักกีฬาทุกคน”
ไม่ใช่ว่าทีมสตาฟฟ์หรือนักฟุตบอลที่อยากจะไปฟุตบอลโลกเท่านั้น แต่แฟนบอลและสื่อก็สำคัญ “เวลาเราเจอทีมที่ดีกว่า ครึ่งแรกยังทำได้ดีเรื่องบอลโด่ง แต่ครึ่งหลังช่วงเสี้ยววินาทีถ้าเราพลาดจะเสียประตูได้เลย”
สำหรับจังหวะของชนาธิป ? อิชิอิถึงกับหลุดให้สัมภาษณ์ว่า เขาเองนั้นแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีการเข้าสกัดแบบนี้ เพราะสิ่งที่คู่แข่งแสดงออกมา มันเป็นการกระทำของนักเตะชั้นต่ำอย่างมาก นักบอลอาชีพเขาไม่ทำกัน และมันไม่ควรจะเกิดขึ้น (ดูคลิป).




อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ถ่ายทอดสด บอลไทย-อิรัก นัดชิงฯ คิงส์คัพ 2025 ปรีวิวสถิติพร้อมเช็กช่องดูสด
- อิชิอิ และชนาธิป แถลงข่าวก่อนทำศึกเอเชียนคัพ นัดแรก พบ ศรีลังกา
- มาซาทาดะ อิชิอิ ให้สัมภาษณ์หลังเกมทีมชาติไทย พบ ศรีลังกา ในเกม เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดแรก
ติดตาม The Thaiger บน Google News: