ณัฐวุฒิ ไม่เชื่อ ยุบสภาฯ ใน 4 เดือน จี้ เท้ง บีบ อนุทิน ประกาศวันยุบสภาต่อหน้า ปชช.

ดุเดือด! “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ลั่น ไม่เชื่อจะยุบสภาฯ ใน 4 เดือน จี้ “เท้ง” บีบ “อนุทิน” ประกาศวันยุบสภาฯ อย่างเป็นทางการต่อหน้าประชาชน
สถานการณ์การเมืองหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เสร็จสิ้น ยังคงดุเดือด และต้องติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า “ไม่เชื่อ” ว่ารัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะทำการยุบสภาภายใน 4 เดือนตามที่ได้ตกลงกันไว้
“รัฐบาลพรรคภูมิใจไทยชุดนี้ตั้งขึ้นตามระบบรัฐสภา การตั้งเงื่อนไขและตัดสินใจเลือกของพรรคประชาชน เป็นสิทธิ์ที่ทุกคนต้องเคารพและยอมรับ
แต่ผลที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่ตั้งโดยเงื่อนไขพิสดารเช่นนี้ คาดหวังความสําเร็จยากมาก และพรรคประชาชนในฐานะคะแนนเสียงหลักของการตั้งรัฐบาล จะปฏิเสธความรับผิดชอบทางการเมืองไม่ได้
พรรคเพื่อไทยเองก็ถูกตั้งคําถามว่า เมื่อครั้งตั้งรัฐบาลข้ามขั้วก็ไปจับกับภูมิใจไทย จับกับพรรคลุงทั้งหลาย ดังนั้นคราวนี้ก็ไม่มีอะไรต่างกัน
ผมว่าดูดี ๆ ต่างกันชัดเลย ตอนนั้นเพื่อไทยตั้งรัฐบาล ถูกคนวิจารณ์ต่อว่าก็ต้องรับฟัง แต่เป็นการตั้งรัฐบาลหลังจากโหวตให้คุณพิธาแล้ว 2 รอบไม่สําเร็จ
เพื่อไทยจึงตั้งรัฐบาลเอาคนของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ยกมือให้ลุงที่ไหนมีอํานาจเข้าไปทําหน้าที่ ซึ่งไม่เหมือนกับรัฐบาลปัจจุบันที่พรรคประชาชนยกมือให้พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล จัดตั้งรัฐบาลอนุรักษ์นิยมขึ้นมาใหม่ โดยที่ตัวเองไปทําหน้าที่ฝ่ายค้าน
บทบาทของพรรคประชาชนจึงไม่ใช่แค่แบกคุณอนุทินเป็นนายกฯ แต่ต้องหามองค์ประชุมสภาให้พรรคภูมิใจไทยด้วย เพราะตัวเลขคะแนนที่ภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาลมีตอนนี้ไม่พอเป็นองค์ประชุม
นี่จึงเป็นเรื่องพิลึกพิลั่นในสภาชุดนี้ เพราะพรรคแกนนําฝ่ายค้านต้องเป็นองค์ประชุมและคอยสนับสนุนรัฐบาล
การประกาศในสภาของหัวหน้าพรรคประชาชน ชวนพรรคเพื่อไทยจับมือกันทําหน้าที่ฝ่ายค้านให้เข้มแข็ง ผมว่าไม่ใช่ เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยว เป็นเรื่องระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยไปว่ากันเอา
การทําหน้าที่พรรคฝ่ายค้านของเพื่อไทยก็ต้องทําอย่างจริงจัง เข้มแข็ง ชัดเจน แต่ไม่ได้รวมอยู่ในข้อตกลงระหว่าง 2 พรรคการเมืองนี้
เพื่อไทยจะนับองค์ประชุมเมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในประเด็นฮั้ว สว. ในประเด็นเขากระโดงตอนไหนก็ได้ โดยไม่จําเป็นต้องรอสัญญาณจากพรรคประชาชน
การบอกว่าในประวัติศาสตร์การเมืองไทยไม่เคยมีฝ่ายค้านครั้งใดเข้มแข็งที่สุดเท่าครั้งนี้ เป็นความจริง เพราะถ้ามีฝ่ายค้านเข้มแข็งขนาดนี้ เขาจะเปลี่ยนรัฐบาล ไม่ใช่ประคองรัฐบาล
นี่จึงเป็นการตั้งรัฐบาลที่พรรคประชาชนใช้คะแนนเสียงของตัวเองส่งคุณอนุทินเป็นนายกฯ แต่ไม่สามารถจะล้มหรือควบคุมรัฐบาลชุดนี้เพียงลําพังตัวเองได้
ดีลตั้งรัฐบาลนี้ ภูมิใจไทยได้อย่างเดียว ได้เพียวเพียว ได้ล้วนล้วน ที่เหลือมาเสี่ยงมาลุ้นเอา ทั้งพรรคสีส้มและประชาชนทั้งประเทศ การให้เหตุผลว่าต้องตั้งรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยเพราะพรรคเพื่อไทยขาดความชัดเจน ผมว่าต้องดูดี ๆ
แม้ว่าในช่วงของการตกลงเงื่อนไขอาจจะมีไม่ตรงกันอยู่บ้าง แต่ในที่สุดเพื่อไทยประกาศความชัดเจนโดยการยื่นยุบสภาไปแล้ว นั่นหมายความว่าเพื่อไทยโชว์ของ รัฐบาลโดยคุณภูมิธรรมดําเนินการยุบสภาไปตามขั้นตอนแล้วแต่ไปไม่ถึงดวงดาว ถูกตีกลับมา
มีคําถามอีกว่า แล้วทําไมไม่ยืนยันไปอย่างถึงที่สุด?
ผมว่าคนถามก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไปไม่ได้ ยื่นไปยังไงก็ไปไม่ถึง พรรคเพื่อไทยเลยประกาศโดยอาจารย์ชัยเกษมว่าพร้อมยุบสภาทันที หมายความว่ากลับมาขอเครื่องมือจากพรรคประชาชน โดยการโหวตชัยเกษมเป็นนายกฯ เพื่อยุบสภาตามที่ประกาศไว้ แต่พรรคประชาชนบอกว่า พี่มาช้าไป
สำหรับผมการตัดสินใจเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ไม่มีคําว่าสาย และต้องพิจารณาทางเลือกได้จนนาทีสุดท้าย
อย่างที่ผมบอกว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สังคมไทยและพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยจะอยู่ในช่วงเสี่ยงดวงวัดใจ ว่าภูมิใจไทยจะทําตามเงื่อนไขหรือไม่? และหากไม่ทําตามเงื่อนไข สถานการณ์มันจะไปในทิศทางไหน?
ดังนั้น เพื่อให้ความชัดเจน ให้หลักประกันกับประชาชน ผมจึงขอเรียกร้องหัวหน้าเท้ง ในฐานะผู้นําพรรคฝ่ายดีล ยกมือเสนอคุณอนุทินในวันแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ประกาศวันยุบสภาทันที
รัฐบาลชุดนี้ตามเงื่อนไขที่เขาตกลงกันไว้ สามารถกําหนดวันยุบสภาล่วงหน้าได้นับตั้งแต่วันแถลงนโยบาย เช่น ถ้าคุณอนุทินแถลงนโยบายในวันที่ 15 กันยายน 2568 การยุบสภาจะเกิดขึ้นไม่เกินวันที่ 15 มกราคม 2569
ดังนั้น ทันทีที่คุณอนุทินแถลงนโยบายเสร็จ คุณณัฐพงศ์ หัวหน้าพรรคประชาชน จึงควรยกมือขึ้นและเรียกร้องคุณอนุทินประกาศต่อที่ประชุมรัฐสภา ประกาศต่อประชาชน ว่าจะยุบสภาไม่เกิน 15 มกราคม เร็วกว่านั้นไม่เป็นไร ช้ากว่านั้นก็ต้องถามพรรคประชาชน ว่าจะเอายังไง?
คะแนนโหวตคุณอนุทินเป็นนายกออกมาทั้งหมด 311 คะแนน หักเป็นของพรรคสีส้ม 143 คะแนน ที่เหลือเป็นคะแนนของพรรคภูมิใจไทยและชาวคณะ นั่นหมายความว่า มีคะแนนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่สื่อมวลชนรายงานว่า 146 บวกมาอีก 22 คะแนน
คําถามจึงอยู่ที่เงื่อนไขข้อ 4 ที่เซ็นกันไว้
พรรคประชาชนไม่ยินยอมให้พรรคภูมิใจไทยสะสมกําลัง เอาเสียงมาเพิ่มจนส่อว่าจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 22 คะแนนที่งอกขึ้นมาถือว่าผิดเงื่อนไขข้อ 4 แล้วหรือยัง? และถ้ายัง ตัวเลขที่บอกว่าเป็นการผิดเงื่อนไขคือตัวเลขเท่าไหร่ที่จะเพิ่มขึ้นมายกมือให้กับภูมิใจไทย เช่น การผ่านร่างกฎหมายต่าง ๆ นับจากนี้
รัฐบาลชุดนี้คือการพลิกฟื้นขึ้นมายืนเหนือของพลังฝ่ายอนุรักษ์นิยม ระหว่างทางของการตกลงกันมีเรื่องน่าสังเกตุมากมาย เช่น การแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่หนังสือของวุฒิสภากับราชกิจจานุเบกษาลงวันที่แต่งตั้งไม่ตรงกัน การยื่นยุบสภาที่ถูกตีย้อนกลับ การปรากฏขึ้นของบุคคลพิเศษ พลังพิเศษ ผ่านการรายงานของสื่อมวลชนหลาย ๆ รายการ
การที่คนแบบร้อยเอกธรรมนัสตอบคําถามถึงเหตุผลที่ต้องย้ายข้างว่าพูดไม่ได้ สิ่งเหล่านี้อยู่ในความสนใจขบคิดของผู้คน แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้อยู่ในความสนใจของพรรคประชาชนหรืออย่างไร?
สําหรับผมเชื่อว่า พลังอํานาจพิเศษเหล่านั้น คือตัวจริงในการจัดตั้งรัฐบาลนี้ โดยคะแนนเสียงของพรรคประชาชนถูกดึงเข้าไปในสมการ สีส้มไม่ใช่คนเดินหมาก แต่เป็นหมากที่เขาเดิน
อย่างไรก็ตามต้องเคารพและยอมรับการตัดสินใจของพรรคประชาชน ผลการลงคะแนนครบทุกคนทั้ง 143 เสียง พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค พลังอนุรักษ์ใหญ่กว่าใครแล้วครับตอนนี้
นี่คือภาพหลายแง่มุมของการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ที่ผมมองเห็น และเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อถกเถียงอภิปราย วิพากษ์วิจารณ์กันไปอีกยาวนาน 4 เดือนหลังจากนี้ รัฐบาลจะยุบสภาตามที่ประกาศไว้หรือไม่ หลาย ๆ คนก็เชื่อ แต่ผมไม่เชื่อ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘อนุทิน’ แถลงครั้งแรก หลังเป็นนายกฯ ลั่น “ยุบสภาฯ” ใน 4 เดือน คืนอำนาจให้ประชาชน
- เลขเด็ด อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เลขวันเกิด-อายุ น่าซื้อลอตเตอรี่
อ้างอิงจาก : FB นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: