ข่าวการเมือง

ก่อนเป็นดิจิตอล ฟุตปริ้นต์ “ช่อ-โรม” เหตุผล 7 ข้อ ปชน.จับมือภูมิใจไทย ขอโทษเลือกอนุทินเป็นนายกฯ

บันทึกก่อนเป็นดิจิตอล ฟุตปริ้นต์ ช่อ พรรณิการ์ – รังสิมันต์ โรม 2 คนการเมืองบุกเบิกพรรคส้ม ก่อนเป็นประชาชนในปัจจุบันที่หนุนโหวต อนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เปิดเหตุผลจับมือภท. อ้างขีดเส้นเอง อีกคนเอ่ยขอโทษเลือกคนมาเสียบเก้าอี้ผู้นำบริหารประเทศไม่ตรงใจทุกฝ่าย

วันนี้ (6 ก.ย.) พรรณิการ์ วานิช คณะก้าวหน้า เขียนเนื้อหาผ่านเอ็กซ์ @Pannika_FWP (X.) โดยเป็นการเปิดเหตุผลฉบับที่ส่งตรงจากอดีตคนบุกเบิกคามหวังพรรคการเมืองเปื้อนสีส้ม ตั้งแต่เป็น “อนาคตใหม่” กระทั่งปัจจุบันกลุ่มก่อนการเมืองที่เธอเป็นหนึ่งในผู้ดูแลด้านภาพลักณ์ของพรรคจึงต้องอาสาขี้แจงชัดเจน ร่ายยาว 7 ข้อดังนี้

“เราคือคนขีดเส้นทางนี้เอง ต่อจากนี้คือนาทีวัดใจ การเลือกของพรรคประชาชน ไม่ได้มีเหตุดีลลึกลับซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้เป็นเพราะไร้เดียงสาทางการเมือง และแน่นอนว่าไม่ได้เกิดจากความโกรธเกลียดพรรคใดจากเรื่องฝังใจในอดีต“

1. เราเรียกร้องรัฐบาลเพื่อไทยให้ยุบสภา ตลอด 2 เดือนครึ่งที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าหนทางที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจกลับสู่ประชาชน ให้ได้เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่พรรคเพื่อไทยได้พิสูจน์ให้เห็นจนถึงวาระสุดท้ายว่าไม่ยุบสภาเด็ดขาด จนกว่าอำนาจจะหลุดลอยจากตัวเอง 100% แม้เมื่อสุดท้ายคุณภูมิธรรมตัดสินใจยุบสภาแล้วไม่สำเร็จ พรรคประชาชนก็ยังยืนยันว่าฝ่ายบริหารมีอำนาจยุบสภา ต้องเดินหน้าต่อให้จงได้ แต่คุณภูมิธรรมและพรรคเพื่อไทย ยินยอมละทิ้งการต่อสู้เรื่องนี้ เดินหน้าสู่การเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคประชาชนก็ต้องเดินไปตาม MOA ที่ได้ลงนามแล้ว

2. พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่คือตัวเลือกเดียวที่มีอยู่ การไม่ออกเสียงคือการก่อเดดล็อก ปล่อยให้คุณภูมิธรรมรักษาการไปเรื่อยๆ ซึ่งเท่ากับการต่อเวลาให้คุณทักษิณได้เจรจาทำดีลใหม่ ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะไปจบลงที่ตรงไหน เมื่อไหร่ ปลายทางคืออัศวินขี่ม้าขาวใช่หรือไม่ ที่แน่ๆ คือเราได้แต่เฝ้ารอ ไม่มีอำนาจควบคุมทิศทาง ทั้งที่มี 143 เสียงในมือ

3. เงื่อนไขที่พรรคประชาชนตกลงกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่แค่การยุบสภา แต่คือยุบสภาใน 4 เดือน พร้อมประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เราไม่มีทางมั่นใจได้ว่าคุณอนุทินจะทำตามสัญญาหรือไม่ แต่หากไม่มาทางนี้ ก็แน่ใจได้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะไม่มีวันสำเร็จในอนาคตอันใกล้

4. หากไม่สามารถร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้ การชนะเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถทำให้พรรคประชาชนบริหารประเทศได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะต่อให้ได้เป็นรัฐบาลก็อาจถูกนิติสงคราม ยุบพรรค ตัดสิทธิ เหมือนสองครั้งที่ผ่านมา

5. มีแต่การเดินทางนี้เท่านั้น จึงนำเราไปสู่อนาคตที่คำว่า “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” จะไม่ใช่แค่สโลแกนปลุกขวัญ แต่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

6. การเลือกทางนี้ ทำให้ภูมิใจไทยและอนุรักษนิยมเข้มแข็งขึ้น? ใช่

7.การเลือกทางนี้ ทำให้พรรคประชาชนและฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าอ่อนแอลงหรือ? ไม่!

พรรคประชาชนไม่ได้ผูกความเข้มแข็งของพรรคไว้กับคะแนนนิยมเพียงอย่างเดียว การที่สมาชิก ทีมจังหวัด พนักงานพรรค สส. ได้พูดคุยทำความเข้าใจ ประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจร่วมกัน รับผลของการตัดสินใจร่วมกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และผู้แทนราษฎรของพรรคทุกคนโหวตโดยเคารพมติพรรค ทำให้เราเดินต่อไปได้อย่างเข็มแข็ง นี่คือผู้คนที่พร้อมเดินไปบนเส้นทางที่เราเลือกด้วยกัน ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เราก็พร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และต่อสู้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายให้จงได้

ฝ่ายประชาธิปไตยก็ไม่ได้อ่อนแอลงเลย การที่พรรคถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา คือพลวัตที่ดีของประชาธิปไตย ทุกพรรคถูกวิจารณ์ได้ หากมีตัวเลือกที่ดีกว่า ประชาชนย่อมเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคใหม่ได้ นี่คือความเข้มแข็งของฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องช่วยกันรักษาไว้ให้มั่น

ขอแค่อย่าหมดหวัง อย่าเหนื่อยหน่ายในการเมือง 4 เดือนนับจากนี้ เรามาเตรียมตัวรณรงค์ให้ประชาชนเห็นด้วยกับการมีรัฐธรรมนูญใหม่กันเถอะ เราคือผู้คนและการเดินทาง ประชาชนยังคงเดินหน้า เราคือคนขีดเส้นทางนี้เอง เส้นทางของการเปลี่ยนแปลง ต่อจากนี้คือนาทีวัดใจ เชิญทุกคนออกมา!

ขณะที่อ้างอิงพาดหัวประเด็นร้อนจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ “อีจัน” กำลังถูกแชร์และกดเซฟกระหน่ำหลังจากที่ได้ลงเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของสส. รังสิมันต์ โรม พรรคประชาชน เมื่อ 4 ก.ย. 68 ระบุว่า “ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังที่เลือกอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 33 แรกเริ่มไม่อยากจะเลือกให้ใครเป็นนายก เมื่อมาถึงจุดนี้ต้องหาทางออกให้ประเทศ นี่คือจุดที่เราลำบากที่สุดในการตัดสินใจ”

ถึงตรงนี้ ทั้งการขีดเส้นอนาคตเอง 7 ข้อของช่อ พรรณิการ์ ไปจนคำกล่าวรู้สึกผิดลึกๆ ของนายรังสิมันต์ ที่ปกติสไตล์เกรี้ยวรกราด กลับหล่นแค่ประโยคบางๆ สวนทางกระแจโจมตีจากบางส่วนไม่เลิกซึ่งยังคงไม่เชื่อมั่น มั่นใจคำอ้าง “ทางออกประเทศ” เพราะเสียแรงลงใจตรรกะที่เข้าใจว่า “พรรคส้มน่าจะเลือกชอยซ์การเมือง” หรือทางออกของโหวตนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ผ่านมานั้น ได้ดีกว่ารูปแบบการตัดสินใจซึ่งนักวิชาการไปจนคนทั่วไปเริ่มเคลื่อนไหวว่า ครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นการเสีย ”รังวัตร“ พื้นที่การเมือง ฐานความเชื่อมั่นเดิมของคนที่สนับสนุนพรรคจำนวนไม่น้อยตั้งแต่ยังเป็นชื่อก้าวไกลและพยายามดัน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นักการเมืองคนหนุ่มขึ้นนายกฯ ไม่สำเร็จ กระทั่งมาเจอจุดเปลี่ยนที่เลือกแล้วหนล่าสุดนี้ แต่ไม่วายหนีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันตรงๆ ดอกล่าสุดนี้ได้.

อีจัน รังสิมันต์ โรม ขอโทษแทนพรรคประชาชน กรณีโหวตนายกอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย
ภาพ Facebook @อีจัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button