ทรัมป์ เล็งเทคโอเวอร์ “อนุสรณ์สถาน 9/11” ค้านสนั่น แรงจูงใจปริศนาเล่าประวัติศาสตร์มะกัน

รัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันเมื่อวันศุกร์ (5 ก.ย.) เผยกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลกลางจะเข้าควบคุมดูแล อนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์ 9/11 ในนิวยอร์ก ซึ่งต่อมาก็เกิดกระแสและการเคลื่อนไหวที่จุดประกายคำถามและความกังวลจากหลายฝ่ายในทันที
พื้นที่ดังกล่าว ณ ย่านโลเวอร์แมนฮัตตัน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งความทรงจำของชาติ และนับตั้งแต่เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในปี 2014 อนุสรณ์สถานแห่งนี้ก็ได้ถูกบริหารจัดการโดยองค์กรการกุศลสาธารณะ ซึ่งปัจจุบันมี นายไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กและคู่ปรับคนสำคัญของทรัมป์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธาน
ทำเนียบขาวยืนยันว่า มีการหารือเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในเบื้องต้นจริง แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม โดยชี้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ในระหว่างการหาเสียงเมื่อปีที่แล้วถึงการจะยกระดับสถานที่แห่งนี้ให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (national monument) ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองและดูแลโดยรัฐบาลกลาง

เปิดอีกแง่มุมของเสียงคัดค้านจากผู้ดูแลปัจจุบัน
เจ้าหน้าที่ของอนุสรณ์สถานฯ โต้แย้งในทันทีโดยระบุว่า ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน รัฐบาลกลางไม่สามารถเข้ายึดครองพื้นที่ดังกล่าวแต่เพียงฝ่ายเดียวได้ เนื่องจากที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของหน่วยงานการท่าเรือแห่งนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์
นางเบธ ฮิลล์แมน ประธานและซีอีโอขององค์กร กล่าวว่า แนวคิดที่รัฐบาลกลางจะเข้ามาแบกรับค่าใช้จ่ายและการบริหารจัดการนั้น “ไม่สมเหตุสมผลเลย” โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากนโยบายของทรัมป์ที่ต้องการจะลดขนาดของระบบราชการลงอย่างมหาศาล
“เรามีความภาคภูมิใจที่นิทรรศการของเราได้บอกเล่าเรื่องราวของความกล้าหาญและความรักชาติ และเราก็มั่นใจว่ารูปแบบการดำเนินงานในปัจจุบันได้รับใช้สาธารณชนอย่างมีเกียรติและมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด” เธอกล่าว พร้อมทั้งให้ข้อมูลว่าองค์กรสามารถระดมทุนจากภาคเอกชนได้ถึง 750 ล้านดอลลาร์ (ราว 24,000 ล้านบาท) และต้อนรับผู้มาเยือนแล้วกว่า 90 ล้านคน
ด้าน นางเคที โฮคัล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กแสดงความกังวลลักษณะเดียวกัน โดยชี้ให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมา ที่จะเข้ามามีอิทธิพลต่อวิธีการบอกเล่าประวัติศาสตร์ของอเมริกา ผ่านอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติต่างๆ
การเคลื่อนไหวของทำเนียบขาวครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่คำถามเรื่องการบริหารจัดการ แต่ได้กลายเป็นประเด็นที่ใหญ่กว่านั้น ! นั่นคือการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์เพื่อควบคุมความทรงจำและเรื่องเล่าของหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงต้องจับตามองกันต่อไปอย่างใกล้ชิด.


ที่มา : AP
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ทรัมป์น้อยใจ จีน ไม่เชิญร่วมสวนสนาม เหน็บปูติน-คิม สบคบคิดต้านอเมริกา
- ทรัมป์ ดับข่าวลือ ยืนยันยังไม่ตาย ลั่นไม่เคยรู้สึกดีมาก่อนเท่านี้ในชีวิต
- ทรัมป์ เดือด! หลังศาลสหรัฐฯ ตัดสินภาษีนำเข้า
ติดตาม The Thaiger บน Google News: