ปวิน สวน ทักษิณ อ้างหาหมอตปท. หากลี้ภัยรอบสอง-หนีคดี อาจเป็นตั๋วเที่ยวเดียว

ยังไงแน่? ‘ปวิน’ สวน ‘ทักษิณ’ ไปดูไบ เหตุพบแพทย์-เยี่ยมเพื่อน ชี้เป็นข้ออ้าง เพราะเหลือเพียง 4 วันก่อนพิจารณาคดี ลั่น ถ้าเป็นการลี้ภัยรอบสอง-หนีคดี อาจไม่กลับไทย
หลังจากเที่ยวบิน T7GTS ที่มี นายทักษิณ ชินวัตร และผู้โดยสารอีก 4 ราย เปลี่ยนเส้นทางบินลงจอดที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ของวันที่ 5 กันยายน 2568 เวลา 02.40 น. ตามเวลาประเทศไทย เดิมทีมีกำหนดการเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ เจ้าตัวให้เหตุผลว่าตั้งใจจะเดินทางไปประเทศสิงคโปร์เพื่อตรวจสุขภาพตามนัดหมาย แต่เกิดปัญหาขึ้นที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยทำให้ตนเองเสียเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง ไม่สามารถเดินทางไปลงจอดที่สิงคโปร์ได้ตามแผนเดิมจึงตัดสินใจให้นักบินเปลี่ยนเส้นทางไปยังนครดูไบแทน เนื่องจากที่นั่นมีแพทย์ด้านกระดูกและปอดที่ตนรักษาเป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตั้งใจจะเดินทางกลับประเทศไทยไม่เกินวันที่ 8 กันยายนนี้ เพื่อไปปรากฏตัวที่ศาลด้วยตนเองในวันที่ 9 กันยายน 2568
ในขณะเดียวกัน อ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ได้แสดงความคิดเห็นหลังจากที่นายทักษิณเดินทางไปที่ประเทศดูไบ ผ่านเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun มองว่าเหตุผลเรื่องการตรวจสุขภาพเป็นเพียงข้ออ้าง
“ทักษิณตรวจสุขภาพต่างประเทศคือข้ออ้าง เหลือเพียงอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันพิจารณาคดีสุดท้าย ทักษิณจะรอฟังคำพิพากษาไม่ได้เลยหรอ กับการต้องตรวจสุขภาพอย่างกะทันหัน
ส่วนเรื่องจะไปสิงคโปร์และสุดท้ายไปลงที่ดูไบนั้นไม่อยากจะให้ความเห็น แม้หลายคนบอกว่าเรื่องดีเลย์คือข้ออ้างทำให้ต้องเปลี่ยนแผนไปดูไบเอง แต่ที่อยากจะบอกก็คือถ้าครั้งนี้เป็นการลี้ภัยรอบสอง มันจะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคุณทักษิณตัดสินใจหนีคดีและไม่กลับมาไทย ดิชั้นเชื่อว่าคุณทักษิณจะไม่ได้กลับมาอีก – ever – ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก
…แล้วเดี๋ยววันนั้นมาถึง ค่อยมาวิเคราะห์กันต่อว่า ทักษิณทำอะไรพังไว้บ้าง จนต้องลี้ภัยอีกรอบ – ในใจยังนึกว่า ทักษิณอาจจะกลับมาตามที่พูดไว้”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปวิน พลิกบทกุนซือ แนะทางลง ปชน.พูดให้ชัด เหตุหนุนภูมิใจไทย หลังทัวร์ลงยับ
- อ.ปวิน โพสต์ “ส้มเน่า” สับเละ เป็นตราบาป ปชน.ร่วมโหวต “อนุทิน”
- “ปวิน” สวนเดือด “วีรพัฒน์” ทุกพรรคมองข้าม ปชน. 14 ล้านเสียง เย้ยไปกินนมนอน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: