
กระทู้ดังในพันทิป ระบายความอัดอั้น หลังตกงานจนรายได้หด แต่ต้องจ่ายภาษีที่ดินมรดกในอัตราสูงสุดเพราะไม่มีเงินไปพัฒนา กฎหมายบีบให้ขายสมบัติชิ้นสุดท้าย วอนรัฐทบทวนกฎหมายโดยคำนึงถึงรายได้ของเจ้าของที่ดินประกอบด้วย
4 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงาน กระทู้บนเว็บบอร์ดPantip.com ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานจำนวนมาก หลังจากมีสมาชิกรายหนึ่งเข้ามาโพสต์ระบายความเดือดร้อน ตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมของกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2568 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้มีรายได้น้อย
เจ้าของกระทู้เล่าว่า เขาและพี่น้องได้รวบรวมเงินจากการทำงานมาซื้อที่ดินไว้เป็นสมบัติเพื่อหวังพึ่งพิงในยามเกษียณ แต่ต่อมาบริษัทที่เขาทำงานอยู่ได้ปิดกิจการลง ทำให้มีรายได้ลดน้อยลง จึงหันมาค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ทำให้ไม่มีเงินทุนเหลือพอที่จะนำไปพัฒนาที่ดินผืนดังกล่าว ที่ดินจึงถูกจัดอยู่ในประเภท “ที่ดินรกร้างว่างเปล่า”
ปัญหาสำคัญคือ ภาษีสำหรับที่ดินรกร้างนั้นมีอัตราการจัดเก็บที่สูงที่สุด และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากไม่มีการทำประโยชน์ เจ้าของกระทู้ตั้งคำถามถึงหลักการเก็บภาษีที่ควรจะอิงกับรายได้ แต่ภาษีที่ดินรกร้างกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นทรัพย์สินที่ไม่ได้สร้างรายได้ แต่เจ้าของกลับต้องแบกรับภาระภาษีในอัตราที่สูง
เจ้าของกระทู้ยังได้กล่าวถึงข้อแนะนำที่มักได้ยิน เช่น การนำกล้วยไปปลูกเพื่อเปลี่ยนประเภทที่ดินเป็นเกษตรกรรม ซึ่งเขาชี้ว่าเป็นเรื่องยากสำหรับคนไม่มีเงินทุน เพราะแค่ค่าต้นกล้าและค่าแรงก็เป็นภาระที่หนักเกินไปแล้ว ส่วนการกู้ยืมเงินมาลงทุนก็เป็นไปไม่ได้ เพราะลำพังการหารายได้ให้เพียงพอในแต่ละวันยังเป็นเรื่องยาก
เขาแสดงความเห็นว่า กฎหมายลักษณะนี้ไม่ต่างอะไรกับการบีบบังคับทางอ้อมให้คนจนหรือคนที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินต้องขายที่ดินของตัวเองออกไป สุดท้ายแล้วที่ดินเหล่านั้นก็จะตกไปอยู่ในมือของกลุ่มนายทุนหรือผู้ที่มีฐานะดีกว่า ซึ่งมีกำลังจ่ายภาษีและรอซื้อที่ดินในราคาที่ไม่สูงนัก
ในช่วงท้ายของกระทู้ เขาได้เสนอแนะว่าภาครัฐควรพิจารณานำข้อมูลรายได้ของผู้เสียภาษีมาใช้ประกอบการคำนวณภาษีที่ดินด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น โดยผู้ที่มีรายได้น้อยอาจได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนตามความเหมาะสม เพื่อให้ที่ดินมรดกไม่กลายเป็นภาระแก่ลูกหลานในอนาคต
ต่อมาได้มีเพื่อนสมาชิกเข้ามาแสดงความคิดเห็นไว้น่าสนใจว่า “มันตรงตามเป้าหมายเค้านะ จุดประสงค์คือ ต้องการให้มีการพัฒนาใช้สอยพื้นที่ ไม่ปล่อยที่ดินไว้เฉยๆ ซึ่งเค้าช่วยคือลดให้ แล้วก็เว้นให้ โดยการเก็บเป็นขั้นบันได ให้เวลานานมากแล้ว ถ้าต้องการทำเกษตรจริงๆ แล้วจะกู้อาจจะต้องลอง สหกรณ์เกษตร หรือ ธกส”
“พวกกล้วย มะนาว คุณเพราะพันธุ์ ค่อยๆปลูกเองได้มั้ง แตกหน่อ แตกกอ ขยายไปเรื่อยๆได้ ไม่ต้องปลูกแบบเนรมิตแบบนายทุนหรอก ถ้าที่ไม่ได้ใหญ่มากเป็นหลายสิบไร่ขึ้นไปทำเองยังไงก็ไหว มะม่วงพันธุ์พื้นเมืองบางอย่าง คุณไม่ต้องซื้อต้นกล้า ซื้อลูกสุกๆ เน่าๆมา โยนเม็ดไว้ตีนกลบมันก็ขึ้น
ชนชั้นไหนมีอำนาจ เขาก็ออกกฎหมายเพื่อชนชั้นนั้น นั่นคือเหตุผลว่า ถ้าคุณเป็นชนชั้นกลาง คุณก็เลือกตัวแทนที่เป็นชนชั้นกลาง มนุษย์เงินเดือน ตี๋ห้องแถว เหมือนๆคุณ เพราะเขาจะทำเพื่อพวกคุณ
แต่ถ้าประเภท ตังงค์ก็ไม่ค่อยจะมี ที่ดินซักผืนก็ยังรักษาไว้ไม่ได้ แต่เวลาเลือกตั้งโน้น คิดเผื่อพระอินทร์ กลัวอาสนะท่านจะร้อนนั่งไม่สบายเนื้อสบายตัว ก็รับกรรมไป คนไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินยังไม่ช่วยจ้า”
“จริงๆแล้วมันควรจะมีเงื่อนไขในการเก็บที่เป็นธรรมกว่านี้ เช่นจะเริ่มเก็บภาษีจากจำนวนที่เกิน 5 ไร่ หรือ 10 ไร่ขึ้นไป หรือ แปลงที่มีมูลค่า 50 หรือ 100 ล้าน ขึ้นไปตามราคประเมิณ
เพื่อนผมมันเล่าให้ฟังว่ามันมีที่มรดกอยู่แถวชลบุรีใกล้เหมืองหินเก่า พื้นที่แถวนั้นมีแต่หินปลูกอะไรก็ไม่ได้ จะให้รถไถไปเคลียริ่ง รถไถยังไม่รับงานเลยกลัวรถพัง เสียภาษีปีละหลายบาท”
“กฎหมายบังคับให้คุณทำอะไรสักอย่างกับที่ดินนั่นแหละ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เขาอยากให้คนไม่สะสมที่ดินมากเกินไป
ที่จริงแล้วก่อนซื้อที่ดินก็น่าจะศึกษาเรื่องนี้ก่อนนะครับ ที่ดินราคา 1 ล้านเสียภาษี 3 พันบาท”
สรุปสาระสำคัญภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2568 จ่ายกี่บาท
ภาษีที่จัดเก็บเป็นรายปีจากผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ โดยคำนวณจาก “ราคาประเมิน” ของทรัพย์สินนั้นๆ และจัดเก็บโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เช่น เทศบาล, อบต.) เพื่อนำไปใช้พัฒนาท้องถิ่น
ผู้มีหน้าที่เสียภาษี คือ เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ณ วันที่ 1 มกราคมของปีนั้นๆ
ประเภทของที่ดิน แบ่งตามการใช้ประโยชน์เป็น 4 ประเภทหลัก ซึ่งมีอัตราภาษีแตกต่างกันอย่างมาก ได้แก่
- เกษตรกรรม: อัตราภาษีต่ำที่สุด (เริ่มต้น 0.01%) และบุคคลธรรมดาได้รับการยกเว้นใน 50 ล้านบาทแรก
- ที่อยู่อาศัย: ได้รับการลดหย่อนและยกเว้นสำหรับบ้านหลังหลัก (มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท) อัตราภาษีต่ำ (เริ่มต้น 0.02% สำหรับบ้านหลังอื่น)
- พาณิชยกรรม / อื่นๆ: ใช้เพื่อการค้าหรือธุรกิจ อัตราภาษีสูงกว่าที่อยู่อาศัยอย่างชัดเจน (เริ่มต้น 0.3%)
- ที่ดินรกร้างว่างเปล่า: ที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
หากไม่ชำระตามกำหนดจะมีบทลงโทษ 3 ระดับ คือ เบี้ยปรับ 10% – 40% ของภาษีที่ค้างชำระ, เงินเพิ่ม คิดเหมือนดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อเดือนของยอดค้างชำระ สุดท้ายโทษทางอาญา ในกรณีร้ายแรงอาจมีโทษจำคุกและปรับ
ภาษี “ที่ดินรกร้างว่างเปล่า” หัวใจของปัญหา
กฎหมายกำหนดให้อัตราภาษีของ ที่ดินรกร้าง อยู่ในระดับเดียวกับ ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม คือเริ่มต้นที่ 0.3% และสูงสุดถึง 0.7% ซึ่งสูงกว่าที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและเกษตรกรรมหลายเท่าตัว นี่คือสาเหตุหลักที่สร้างภาระหนักให้เจ้าของที่ดินที่ไม่ได้สร้างรายได้จากที่ดินผืนนั้น เพราะถูกประเมินค่าภาษีราวกับว่ากำลังทำธุรกิจอยู่
จุดที่โหดที่สุดของภาษีที่ดินรกร้างคือ หากปล่อยทิ้งไว้ต่อเนื่องเกิน 3 ปี อัตราภาษีจะถูกปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.3% ในทุกๆ 3 ปี จนกว่าจะมีการทำประโยชน์
ตัวอย่าง หากมีที่ดินรกร้างมูลค่า 10 ล้านบาท
- ปีที่ 1-3: เสียภาษี 0.3% = 30,000 บาท/ปี
- ปีที่ 4-6: อัตราภาษีจะกลายเป็น 0.3% + 0.3% = 0.6% หรือ 60,000 บาท/ปี
- ปีที่ 7-9: อัตราภาษีจะกลายเป็น 0.6% + 0.3% = 0.9% หรือ 90,000 บาท/ปี อัตราภาษีนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเพดานสูงสุดที่กฎหมายกำหนดไว้คือ 3%
กลไกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อบีบให้เจ้าของที่ดินต้องนำที่ดินมาใช้ประโยชน์ ไม่ให้ถือครองไว้เฉยๆ เพื่อเก็งกำไร แต่ในทางปฏิบัติกลับส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคนที่มีรายได้น้อยหรือผู้ที่ตกงาน ซึ่งไม่มีเงินทุนพอที่จะไปพัฒนาที่ดิน ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คนขับรถอดีตเจ้าอาวาส แฉสีกากอล์ฟหลอกลวง-ทำตกงาน ยอมรับเคยพัวพัน
- คนจนพร้อมมั้ย คลัง จ่อแถลง ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่
- อดีตพนักงานบริษัทมีเดีย โพสต์เล่ารับชดเชย 16% ไปต่อยังไงไหว
ติดตาม The Thaiger บน Google News: